ฮามาสกระตุ้นนักศึกษาทั่วโลกกลับมาประท้วงสหรัฐฯ ที่หนุนอิสราเอลในสงครามกาซา

AA

AA – เมื่อวันพุธ 28 ส.ค. ผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสเรียกร้องให้นักศึกษาจากทั่วโลกออกมาชุมนุมประท้วงอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ และชาติต่างๆ ยุติการสนับสนุนอิสราเอล ซึ่งยังคงโจมตีฉนวนกาซาและเริ่มปฏิบัติการทางทหารในเขตเวสต์แบงก์

คาลิด มัชอัล อดีตหัวหน้าสำนักงานการเมืองของกลุ่มฮามาสและผู้นำปัจจุบันของสำนักงานกลุ่มมุสลิมโพ้นทะเล ได้กล่าวในที่ประชุมที่อิสตันบูล ซึ่งจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์เผามัสยิดอัลอักซอในปี 1969 ว่า “ด้วยการเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่และใกล้ถึงวันครบรอบ 1 ปีปฏิบัติการน้ำท่วมอัลอักซอ (7 ต.ค.) จำเป็นต้องมีการเตรียมการจากทุกฝ่าย (…) เพื่อส่งข้อความไปยังวอชิงตันและคนทั่วโลกให้หยุดการรุกรานในฉนวนกาซา”

“อย่าปล่อยให้กาซาอยู่ตามลำพัง” มัชอัลกล่าว และเรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกเริ่มดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนกาซา

เมื่อวันที่ 18 เมษายน นักศึกษาที่สนับสนุนปาเลสไตน์จากมหาวิทยาลัยโคลอมเบียในสหรัฐฯ ได้ตั้งค่ายเพื่อเรียกร้องให้ให้มหาวิทยาลัยยุติการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล รวมถึงยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในฉนวนกาซา

การประท้วงนี้ได้ขยายไปสู่มหาวิทยาลัยต่างๆ มากขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อังกฤษ และแคนาดา

เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาในเขตเวสต์แบงก์ทางตอนเหนือที่ถูกยึดครองและปฏิบัติการทางทหารหลักของอิสราเอล ผู้นำระดับสูงฮามาสกล่าวว่า “สถานการณ์นี้ต้องการการต่อสู้อย่างเปิดเผย พวกเขา (อิสราเอล) กำลังต่อสู้กับเราอย่างเปิดเผย และเราจะต่อต้านพวกเขาอย่างเปิดเผย” และกล่าวเสริมว่าจำเป็นต้องมีการโจมตีด้วยอาวุธต่ออิสราเอลในระดับที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่อวันพุธ กองทัพอิสราเอลได้เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในเขตเวสต์แบงก์ทางตอนเหนือ ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ โดยปฏิบัติการดังกล่าวได้เกิดขึ้นทางตอนเหนือของดินแดนที่ถูกยึดครอง รวมถึงในเขตผู้ว่าการนาบลัส ตุลคาเรม เจนิน และทูบาส

ความตึงเครียดได้เพิ่มสูงขึ้นในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองท่ามกลางการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอลในเขตกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40,500 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว

นับตั้งแต่นั้น มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 660 คน และบาดเจ็บเกือบ 5,400 คนในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองตามข้อมูลของปาเลสไตน์

ในความเห็นที่สำคัญเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ประกาศว่าการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลซึ่งยาวนานหลายทศวรรษนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเรียกร้องให้มีการอพยพออกจากนิคมทั้งหมดในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก