กมธ.ชายแดนใต้ กังวลเหตุยึดธงปาเลสไตน์ ในงานประเพณีที่นราธิวาส จ่อเรียก กอ.รมน.แจง

ภาพ: facebook.com/Chaturon.FanPage

วันพุธ 11 ก.ย. 17.20 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา และจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับกระบวนการส่งเสริมการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาชายแดนใต้ โพสต์เฟสบุ๊คว่า

วันนี้คณะกรรมาธิการสันติภาพชายแดนภาคใต้ฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวล ต่อกรณีเหตุการณ์ในกิจกรรมการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสเมื่อ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้คณะกรรมาธิการมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งเราเปิดพื้นที่ให้แต่ละท่านแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะแถลงต่อสื่อมวลชน

เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมจากหลายอำเภอได้มีเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่เข้ายึดวัตถุจัดแสดงของผู้เข้าร่วมเดินขบวนพาเหรด สิ่งที่ยึดไปเป็นธงที่เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ธงชาติปาเลสไตน์ รวมทั้งรูปของอูลามะหรือผู้รู้ในทางศาสนา ที่เยาวชนบางกลุ่มนำไปร่วมแสดงในขบวนพาเหรดจำนวนหลายรูป สื่อมวลชนรายงานว่าผลของการใช้มาตรการดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ทหารอย่างมาก

อย่างที่ผมกล่าวไปว่ามีคณะกรรมธิการเห็นไปในหลายทิศทาง คณะกรรมาธิการส่วนหนึ่งกังวลว่าการดำเนินการดังกล่าวแม้จะเป็นความพยายามปฏิบัติหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้จัดงานสามารถรักษารูปแบบงานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้จัด แต่การยึดรูปของผู้นำด้านศาสนาซึ่งไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงของคณะผู้จัดและการยึดธงปาเลสไตน์ในขบวนพาเหรดที่เป็นการแสดงออกอย่างสันติ เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก

การเก็บรูปภาพบุคคลในงานพาเหรดโดยเฉพาะบุคคลสำคัญในอดีตที่เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นผู้นำด้านจิตใจ เช่น หะยีสุหลง การติดตามไปพบปะเยาวชนถึงบ้านโดยทหารตลอดจนการเชิญตัวไปพบเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวโดยเฉพาะในหมู่เยาวชนอย่างมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตรา 25 และภายใต้มาตรา 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(ICCPR) ที่ระบุถึงเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการคุ้มครองสิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง การกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารส่งผลให้มีการตีความ และเกิดการเข้าใจผิดต่อบทบาทของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และต่อแนวทางการทำงานคลี่คลาย ความขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ

ทั้งนี้ประเทศไทยได้ให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นรัฐอธิปไตยในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2012 (recognition) และไทยยังได้ร่วมสนับสนุนทางด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ด้วย การห้ามถือธงชาติปาเลสไตน์ในจังหวัดชายแดนใต้จึงเป็นเรื่องที่ควรชี้แจง และภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายไทยก็มิได้ห้ามการจัดแสดงรูปภาพของบุคคลสำคัญในพื้นที่

ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงอยู่แล้ว การกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารในครั้งนี้จะทำให้เข้าใจไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ในขณะที่รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติต่างพยายามที่จะนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธีและการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการฯจึงมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งกับทิศทางของการดำเนินการเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้คณะกรรมาธิการฯ จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานทหารได้ทบทวนและแสวงหาแนวทางปฏิบัติที่เคารพเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้

แต่ถึงอย่างไร ยังมีคณะกรรมาธิการอีกส่วนหนึ่งก็กังวลและตั้งคำถามว่าการปล่อยให้มีการจัดกิจกรรมหรือมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงของผู้จัดกิจกรรมและหน่วยงานรัฐในลักษณะเช่นนี้ จะขัดต่อกฎหมายฉบับอื่น ๆ หรือไม่

ดังนั้นในการประชุมสัปดาห์ถัดไป (18ก.ย.2567) คณะกรรมาธิการจะเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มาหารือ เพื่อเป็นพื้นที่กลางที่นำความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายได้มาอธิบายและถกเถียงกัน โดยเฉพาะในห้วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านของทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จึงต้องทำความเข้าใจต่อทิศทางในการแก้ปัญหาให้ตรงกัน