เมื่อวันพฤหัสบดี 26 ก.ย. กระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศว่าจะได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 8.7 พันล้านดอลลาร์ ความช่วยเหลือนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อิสราเอลทำการโจมตีครั้งใหญ่ในเลบานอนเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน นับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามในเลบานอนปี 2006
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลระบุว่า พล.ต. เอียล ซามีร์ อธิบดีกรมกลาโหมอิสราเอล ได้เสร็จสิ้นการเจรจาในกรุงวอชิงตันเกี่ยวกับความช่วยเหลือมูลค่า 8.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล
แพ็คเกจนี้ประกอบด้วยเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับการจัดหายุทโธปกรณ์สำคัญในช่วงสงคราม ซึ่งได้ถูกโอนให้กระทรวงกลาโหมอิสราเอลแล้ว และอีก 5.2 พันล้านดอลลาร์สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึง Iron Dome, David’s Sling และระบบเลเซอร์ขั้นสูง
อิสราเอลมีระบบสกัดกั้นขีปนาวุธหลายระบบ ได้แก่ David’s Sling (เดวิดส์ สลิง), Arrow (แอร์โรว์) และ Iron Dome (ไอรอน โดม)
แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติมว่า ตามข้อตกลงนี้ เงินและอุปกรณ์ที่กล่าวถึงจะถูกส่งมอบในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าผลสำรวจจะแสดงว่ากว่าครึ่งของชาวอเมริกันเชื่อว่าควรจำกัดความช่วยเหลือทางทหารที่ให้แก่อิสราเอล แต่รัฐบาลวอชิงตันยังคงให้การสนับสนุนทางทหารอย่างมากแก่เทลอาวีฟ
ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้โจมตีเลบานอนอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 677 คน และบาดเจ็บมากกว่า 2,500 คน ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอน
การสู้รบข้ามพรมแดนระหว่างกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และอิสราเอลเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีฉนวนกาซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 41,500 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการโจมตีข้ามพรมแดนของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา