
เมื่อ 31 ปีก่อน (ค.ศ.1993) อิสราเอลใช้เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธลอบสังหาร “ซัยยิดอับบาส อัล–มูซาวี” ผู้นำคนก่อนของฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการต่อสู่แห่งเลบานอน เหตุการณ์นั้นสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเลบานอนและโลกอาหรับเป็นอย่างมาก
“เชค อะหมัด ยาซีน” ผู้นำทางจิตวิญญาณของ “ฮามาส” ขบวนการต่อสู้แห่งปาเลสไตน์ ก็ถูกอิสราเอลลอบสังหารเมื่อ 20 ปีที่แล้ว (ค.ศ.2004) และในเดือนกรกฎาคมปีนี้ (2024) อิสราเอลก็ได้สังหาร “อิสมาอีล ฮานิเยห์” ผู้นำของฮามาสอีกคน
ทุกครั้งหลังการลอบสังหารผู้นำสำคัญเหล่านี้ สื่ออิสราเอลพากันประกาศว่า นี่คือจุดจบของการต่อต้านในเลบานอนและปาเลสไตน์ พร้อมการประกาศชัยชนะเหนือขบวนการเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริง ไม่เคยเป็นไปตามที่อิสราเอลหวังเลย
เพราะแม้จะลอบสังหารผู้นำได้ แต่กระแสการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของชาวปาเลสไตน์และเลบานอนก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่เคยสิ้นสุด
วันนี้ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่ออิสราเอลลอบสังหาร “ซัยยิดฮัสซัน นัสรุลเลาะห์” ผู้นำขบวนการฮิซบุลเลาะห์แห่งเลบานอน และสื่ออิสราเอลก็ยังคงเล่นบทเดิมๆ ประกาศว่าฮิซบุลเลาะห์จะถึงจุดจบแล้ว แต่ทว่า… มันไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลย!
การลอบสังหารนัสรุลเลาะห์ ไม่ใช่ชัยชนะของอิสราเอล เพราะ ฮิซบุลเลาะห์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ฮิซบุลเลาะห์ไม่ใช่ตัวของฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ เช่นเดียวกับที่ ฮามาสก็ไม่ใช่ตัวของอิสมาอีล ฮานิเยห์ แต่คือขบวนการที่ฝังรากลึกในจิตใจของคนรุ่นต่อรุ่น
หากอิสราเอลสามารถสังหารฮานิเยห์ได้ พวกเขาก็จะพบกับ “ฮานิเยห์อีกหนึ่งพันคน” และหากสังหารนัสรุลเลาะห์ได้ ก็จะมี “นัสรุลเลาะห์อีกหนึ่งพันคน” ลุกขึ้นมาแทนที่ ทุกครั้งที่ผู้นำคนหนึ่งจากไป ผู้นำคนใหม่จะปรากฏตัวขึ้น นำขบวนการต่อต้านไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ลดน้อยลง และบ่อยครั้ง ผู้นำใหม่มักเข้มแข็งและมีศักยภาพเท่าเทียม หรือมากกว่าผู้นำเดิมเสมอ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเร็วๆ นี้ก็คือ “ยะห์ยา ซินวาร์” ซึ่งก้าวขึ้นมาแทนอิสมาอีล ฮานิเยห์ และกลายเป็นฝันร้ายของอิสราเอล เช่นเดียวกัน กรณีของฮิซบุลเลาะห์ อีกไม่กี่วัน ผู้นำคนใหม่จะถูกแต่งตั้งเข้ามาเพื่อสานต่อภารกิจของนัสรุลเลาะห์ และเขาจะทำหน้าที่ด้วยศักยภาพเช่นเดียวกับผู้นำคนก่อน
ไม่ว่าจะเป็นในฉนวนกาซาที่ฮามาสยังคงควบคุมสถานการณ์ หรือเลบานอนที่ฮิซบุลเลาะห์ยังคงเป็นแรงผลักดันหลัก การลอบสังหารผู้นำเหล่านี้ไม่ได้ทำให้การต่อสู้สิ้นสุดลง
ในอีกด้านหนึ่ง หากฝ่ายต่อต้านสามารถลอบสังหารผู้นำอิสราเอล เช่น เบนจามิน เนทันยาฮู ความเปลี่ยนแปลงก็อาจไม่เกิดขึ้นเช่นกัน คนใหม่จะถูกเลือกตั้งเข้ามาแทนทันที
สงครามนี้จะยังคงยืดเยื้อต่อไป ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผู้นำและผู้สนับสนุนที่ไม่สิ้นสุด และแม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างมหาศาล แต่ไม่ใช่ฝ่ายที่มีอาวุธและกำลังทหารที่เหนือกว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป
ในท้ายที่สุด ผู้ที่จะคว้าชัยชนะ คือฝ่ายที่มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ความอดทนที่ไม่รู้จักหมด และทรัพยากรบุคลากรที่พร้อมสู้จนหยดสุดท้าย! การต่อสู้ครั้งนี้เป็นมากกว่าสงคราม มันคือการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและเสรีภาพ ซึ่งไม่มีอำนาจใดสามารถล้มล้างได้ ตราบใดที่ความเชื่อมั่นและอุดมการณ์ยังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจของคนรุ่นต่อรุ่น!
บรรณาธิการบริหาร