วันที่ 5 พ.ย. นายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ของอิสราเอลประกาศปลดรัฐมนตรีกลาโหม “โยอาฟ กัลแลนต์” อย่างอย่างกระทันหัน ขณะที่อิสราเอลกำลังเผชิญกับสงครามหลายด้าน จุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ
ในแถลงการณ์ประกาศปลดกัลแลนต์ เนทันยาฮูกล่าวว่า เขาได้พยายามที่จะลดความขัดแย้งลง “แต่ความแตกแยกกลับยิ่งขยายวงกว้างขึ้น การแบ่งแยกเหล่านี้ยังแพร่หลายไปทั่วในลักษณะที่ไม่ปกติ และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ดรื่องนี้กลายเป็นที่รู้ของศัตรูของเรา ซึ่งได้เพลิดเพลินกับความแตกแยกเหล่านี้และได้รับประโยชน์มากมายจากมัน” เขากล่าว
“การละเมิดความไว้วางใจที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมกับฉันกลายเป็นเรื่องเปิดเผย ทำให้ไม่สามารถดำเนินการบริหารจัดการสงครามของเราต่อไปได้ตามปกติ”
กัลแลนต์ได้วิพากษ์วิจารณ์การบริหารสงครามในฉนวนกาซาของเนทันยาฮูอย่างเปิดเผย และเรียกร้องให้กำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับความพยายามในการทำสงครามของอิสราเอล โดยสำนักงานนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาแทนที่เขา
ปัจจัยความขัดแย้งภายในและปฏิกิริยาตอบโต้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากที่ กัลแลนต์อนุมัติตามคำแนะนำของกองทัพอิสราเอลในการส่งคำสั่งเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมอีก 7,000 ฉบับให้กับชายอัลตราออร์โธดอกซ์ ปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหารชายอัลตราออร์โธดอกซ์กลายเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างกัลแลนต์และเนทันยาฮู ในโพสต์บน X ทันทีหลังจากข่าวการปลดเขาออก กัลลันต์ เขียนว่า “ความปลอดภัยของรัฐอิสราเอลเป็นและจะยังคงเป็นภารกิจในชีวิตของฉันตลอดไป”
เนทันยาฮูและกัลแลนต์มีความขัดแย้งกันบ่อยครั้งเกี่ยวกับสงครามในกาซา แต่เนทันยาฮูหลีกเลี่ยงการปลดรัฐมนตรีจนกระทั่งเลือกทำในช่วงที่ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาระบุว่าเหตุผลในการปลดคือ “ช่องว่างที่สำคัญ” และ “วิกฤตความไว้วางใจ” โดยเนทันยาฮูได้แต่งตั้ง “อิสราเอล แคทซ์” รัฐมนตรีต่างประเทศผู้ภักดีต่อตนขึ้นเป็นรมว.กลาโหมแทนกัลแลนต์
หลังการประกาศไม่นาน ในเทลอาวีฟผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกัน ปิดถนนสายหลักและทำให้การจราจรติดขัด บางคนโบกธงชาติอิสราเอล เป่านกหวีด และตีกลอง ขณะที่ในเยรูซาเล็มและอีกหลายจุดทั่วประเทศก็มีการประท้วงเช่นกัน โดยมีภาพจากสถานีโทรทัศน์แสดงการปะทะระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง
ปฏิกิริยาจากสหรัฐฯ และกลุ่มการเมืองในประเทศ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทำเนียบขาวมี “คำถามสำคัญ” เกี่ยวกับการปลดกัลแลนต์ โดยแสดงความกังวลต่อการตัดสินใจของเนทันยาฮูในช่วงเวลาที่อิสราเอลกำลังเผชิญกับสงครามสองด้านและเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีจากอิหร่าน รายงานจากสำนักข่าว Axios อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่นิรนามระบุว่า ทำเนียบขาว “ประหลาดใจอย่างยิ่ง” กับการตัดสินใจนี้ และมี “คำถามจริงจัง” เกี่ยวกับเหตุผลในการปลดกัลแลนต์
ขณะที่โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวกล่าวว่า กัลแลนต์เป็น “พันธมิตรที่สำคัญ” ของสหรัฐฯ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอิสราเอล “ในฐานะหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด เราจะทำงานร่วมกันต่อไปกับรัฐมนตรีกลาโหมคนต่อไปของอิสราเอล” โฆษกกล่าวในแถลงการณ์
อิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีฝ่ายขวาจัดในรัฐบาลผสมของเนทันยาฮู ได้ยกย่องการตัดสินใจของเนทันยาฮู โดยกล่าวว่า โกัลแลนต์ยัง “ติดอยู่ในแนวคิด” ที่ว่า “ไม่สามารถบรรลุชัยชนะอย่างเด็ดขาดได้” แต่เบนนี กันซ์ คู่แข่งทางการเมืองหลักของเนทันยาฮู กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็น “การเมืองที่เสียสละความมั่นคงแห่งชาติ” ส่วนยาร์ ลาพิด ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า การกระทำนี้ “ในช่วงกลางของสงครามเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง” และเสริมว่าเนทันยาฮูกำลัง “ขายความมั่นคงของอิสราเอลและทหาร…เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตัวเอง”
กลุ่มชาวอิสราเอลที่รณรงค์เพื่อปล่อยตัวเชลยในกาซาได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของประเทศให้ความสำคัญกับข้อตกลงเพื่อปล่อยตัวเชลย “เราคาดหวังให้รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่, อิสราเอล คัตซ์, ให้ความสำคัญกับข้อตกลงในการปล่อยตัวเชลย … เพื่อให้การปล่อยตัวเชลยทั้งหมดเป็นไปโดยทันที” ฟอรั่มเชลยและครอบครัวที่สูญหายกล่าวในแถลงการณ์
ไทม์ไลน์ความขัดแย้งยาวนานระหว่างเนทันยาฮูและกัลลันต์
- ความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมที่เพิ่งถูกปลด มีมาตั้งแต่ก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มสงครามในกาซา
- เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กัลแลนต์กล่าวว่ากองกำลังอิสราเอลได้สร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับข้อตกลงชั่วคราวที่จะช่วยนำตัวเชลยที่ถูกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ในกาซากลับบ้านได้ ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทำสงครามกับกาซาต่อไป
- ในเดือนพฤษภาคม กัลแลนต์แสดงความเห็นว่าอิสราเอลไม่ควรมีส่วนในการปกครองกาซาหลังการสู้รบยุติลง แต่เนทันยาฮูตอบโต้โดยไม่เห็นด้วยและกล่าวว่าเขาไม่พร้อมที่จะ “แลกเปลี่ยนฮามัสสถานกับฟาตาห์สถาน” ซึ่งเป็นการเปรียบถึงฮามาสและฟาตาห์ กลุ่มที่ปกครองกาซาและเวสต์แบงก์ตามลำดับ
- เมื่อสงครามดำเนินไป กัลแลนต์เรียกร้องให้มีการสอบสวนความล้มเหลวด้านความมั่นคงในวันที่ 7 ตุลาคมอย่างเต็มรูปแบบ โดยกล่าวว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้รัฐบาลเรียนรู้ข้อผิดพลาด แต่เนทันยาฮูไม่เห็นด้วยและต้องการให้การสอบสวนเกิดขึ้นหลังสงครามยุติลง
- เมื่อเดือนที่แล้ว กัลแลนต์ต้องยกเลิกการเยือนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หลังสื่ออิสราเอลรายงานว่าเนทันยาฮูไม่ได้อนุมัติการเดินทางนี้และต้องการพูดคุยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนก่อน
- ก่อนหน้านี้หลายเดือน สื่ออิสราเอลรายงานอย่างแพร่หลายว่าเนทันยาฮูเตรียมจะปลดกัลแลนต์
- ในเดือนมีนาคม 2023 เนทันยาฮูเคยปลดกัลแลนต์จากความขัดแย้งเกี่ยวกับแผนการเปลี่ยนแปลงระบบตุลาการของอิสราเอล แต่หลังจากที่ประชาชนออกมาประท้วงอย่างกว้างขวาง กัลแลนต์จึงได้รับการคืนตำแหน่ง
ประวัติย่อของรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่
เนทันยาฮูแต่งตั้ง “อิสราเอล แคทซ์” อายุ 69 ปี เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ แคทซ์ได้รับฉายาว่า “รถบดถนน” เนื่องจากสไตล์การทำงานที่ตรงไปตรงมาและบางครั้งรุนแรง และถือว่าเป็นผู้ใกล้ชิดและภักดีต่อเนทันยาฮู
แคทซ์ให้คำมั่นที่จะเอาชนะศัตรูของอิสราเอลและบรรลุเป้าหมายทางสงครามของประเทศหลังจากได้รับการแต่งตั้ง เขาสัญญาว่าจะให้ความสำคัญกับการนำตัวเชลยของอิสราเอลจากกาซากลับมา และการ “ทำลาย” ฮามาสและฮิซบุลเลาะห์
“เราจะทำงานร่วมกันเพื่อพาสู่ชัยชนะในระบบความมั่นคงต่อศัตรูของเราและบรรลุเป้าหมายของสงคราม: การกลับมาของเชลยทั้งหมดเป็นภารกิจที่มีค่าสูงสุด, การทำลายฮามาสในกาซา, การปราบฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน, การยับยั้งการรุกรานของอิหร่าน และการนำผู้อยู่อาศัยในภาคเหนือและภาคใต้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” เขากล่าวในโพสต์แรกของเขาใน X ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้ง
แคทซ์เคยโจมตีผู้นำโลกและองค์กรระหว่างประเทศที่คัดค้านการกระทำทางทหารของอิสราเอลโดยเฉพาะในกาซา เขาเป็นสมาชิกพรรคลิคุดของเนทันยาฮู และเคยดำรงตำแหน่งประธานพรรคมาแล้ว และเคยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่งตั้งแต่ปี 2003
เขามีบทบาทสำคัญในการนำการต่อสู้ทางการทูตกับหน่วยงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของสหประชาชาติ (UNRWA) ซึ่งรัฐสภาของอิสราเอลได้สั่งห้ามทำงานในอิสราเอลและเยรูซาเล็มตะวันออกเมื่อเดือนที่แล้ว
เดือนที่แล้วแคทซ์ประกาศ เลขาธิการ UN เป็น “บุคคลที่ไม่พึงปรารถนาในอิสราเอล” ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บทบาทที่โดดเด่นที่สุดของ Katz คือการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เสียงสะท้อนจากนักวิเคราะห์
มัรวัน บิชารา นักวิเคราะห์การเมืองอาวุโสของอัลจาซีร่า กล่าวว่า กัลแลนต์เป็นเสียงที่โดดเดี่ยวในรัฐบาลผสมที่รวมกลุ่มลิคุดนิคซึ่งใกล้ชิดกับเนทันยาฮูมาก คุณอาจเรียกพวกเขาว่าเป็นผู้รับใช้ของเนทันยาฮู เช่น [รัฐมนตรีต่างประเทศ] อิสราเอล คัตซ์ ที่อยู่ภายใต้ปีกของเขามานานกว่า 20 ปี
เนทันยาฮูรู้สึกแข็งแกร่งในวันนี้ เขารู้สึกมีพลังจากการดำเนินการของรัฐบาลในสงครามกับกาซาและเลบานอน และรู้สึกว่าเขาสามารถไล่รัฐมนตรีกลาโหมของเขาออกได้ง่าย อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้จะรวมตัวกันมากขึ้นคือเมื่อพูดถึง … พรรคออร์โธดอกซ์สุดขั้วในรัฐบาล – เบน-กวีร์และสมอทริช – พวกเขาจะรู้สึกสะดวกใจมากขึ้นตอนนี้ที่กัลแลนต์ไม่อยู่ในรัฐบาล
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนที่มีความเห็นชอบกลางทางการเมือง หากจะพูดให้ชัดเจน กัลแลนต์อาจจะเป็นคนที่มีลัทธิฟาสซิสต์มากกว่า รุนแรงกว่ากลุ่มศาสนิกชนเหล่านี้ เขาไม่ใช่คนที่คลั่งไคล้ทางการเมืองแต่เขาได้ใช้ความรุนแรงในสงครามนี้มากเหมือนกับที่เขาทำในปี 2008 เมื่ออิสราเอลเริ่มสงครามกับกาซา เขาคือคนที่ตัดสินใจใช้หลักการดาฮียาห์เพื่อทำลายกาซาโดยแท้จริง มัรวันกล่าว
โยสซี เบย์ลิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอิสราเอลกล่าวกับอัลจาซีรา ว่าการที่เนทันยาฮูปลดรัฐมนตรีกลาโหมในคืนนี้เป็นการกระทำที่ “ล่าช้ามานาน”
“เนทันยาฮูต้องการปลดรัฐมนตรีกลาโหมมานานแล้ว เขาทำมันเกือบปีที่แล้วและผู้คนออกมาประท้วงในถนน … และนายกรัฐมนตรีก็กลับคำและเอากลับมา” เขากล่าว
“ผมคิดว่า สำหรับเนทันยาฮู เรื่องของตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี… เป็นเรื่องรอง เขามองว่าตำแหน่งเหล่านี้เป็นเหมือนรางวัลสำหรับผู้ที่เข้าร่วมในรัฐบาลของเขา”
เบย์ลินอธิบายว่าการกระทำนี้ การปลดกัลแลนต์ไม่ใช่บรรทัดฐานใหม่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของเนทันยาฮูในการรวมศูนย์อำนาจภายในรัฐบาล
“เขาเชื่อว่าเขาไม่ใช่แค่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นรัฐมนตรีในทุกตำแหน่ง ดังนั้นท้ายที่สุดมันจะเป็นการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวที่จะเลือกและปลดใครก็ได้” เขากล่าว
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันอาจเป็นก้าวแรกสู่การยุบรัฐบาลของเนทันยาฮู” เบย์ลินกล่าวเสริม
ด้านอับดุลบารี อุตวาน นักเขียนและนักวิเคราะห์การเมืองชาวอาหรับที่มีชื่อเสียง โพสต์บน x ว่า “กฎทางทหารที่ลึกซึ้งที่สุดกล่าวไว้ว่าผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะไม่เปลี่ยนม้าของตนในช่วงเวลาสำคัญของการรบ การปลดโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเนทันยาฮูหมายความว่าเขากำลังสับสนและพ่ายแพ้ และอาจกำลังวางแผนสำหรับการเสี่ยงทางทหารที่อาจนำไปสู่จุดจบของเขาและระบอบของเขา ผู้ที่ไม่สามารถชนะในกาซาที่ยืดเยื้อและล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายใดๆ ตลอดระยะเวลา 13 เดือน จะพ่ายแพ้ในสงครามครั้งหน้า”
ฮาอาเร็ตซ์ สื่อฝ่ายซ้ายอิสราเอล เผยแพร่บทความของนักวิเคราะห์ อามอส ฮาเรล ระบุว่า เนทันยาฮูทำให้ตัวเองดูโดดเด่นในคืนวันอังคาร ด้วยการชื่นชมรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของเขา, อิสราเอล คัตซ์, ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “รถบดถนน” แม้ว่าจะมีหลายปีที่ทั้งสองคนเคยพูดเกี่ยวกับกันและกันในแบบที่แตกต่างกันมาก แม้ว่า คัตซ์ จะเป็นสมาชิกมานานในคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง แต่เขากลับขาดประสบการณ์ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เขาคือผู้ได้รับการแต่งตั้งที่ไม่มีน้ำหนัก ซึ่งจุดประสงค์เดียวคือการทำหน้าที่รับใช้เนทันยาฮูเหมือนหุ่นเชิดที่เชื่อฟัง
การตัดสินใจของเนทันยาฮูในการปลดรัฐมนตรีกลาโหมกลางวิกฤต ได้สะท้อนถึงความสับสนและความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และเตือนว่าเนทันยาฮูอาจต้องเผชิญกับผลกระทบอันใหญ่หลวงจากการกระทำครั้งนี้ ขณะที่เขาล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในกาซาตลอด 13 เดือนที่ผ่านมา ผู้นำฮามาส “ซามี อาบู ซูฮรี” ทิ้งคำกล่าวที่เป็นดั่งคำเตือน “เนทันยาฮูปลดรัฐมนตรีกลาโหม โยอาฟ กัลแลนต์ ซึ่งเคยโอ้อวดว่าจะกำจัดฮามาส… วันนี้เราบอกพวกเขาว่า – กัลแลนต์หายไปแล้ว แต่ฮามาสยังคงอยู่!” เป็นคำตอบอันหนักแน่นถึงความล้มเหลวของผู้นำอิสราเอลในการเอาชนะสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด
โต๊ะข่าวต่างประเทศ เดอะพับลิกโพสต์ รายงาน