เปิดข้อมูลเชิงลึกเส้นทางออก “ตั๋วเดินทาง” เที่ยวบินมรณะ MH370 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ ของ 2 บุคคลผู้ต้องสงสัยใช้หนังสือเดินทางปลอม สู่คำตอบเจตนา “ก่อการร้าย” หรือแค่ “ทางลัดสู่ประเทศที่3”?? รวมทั้งเรื่องลึกลับและเสียงเล่าลือเกี่ยวกับเที่ยวบินนี้
เครื่อง บินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบิน มาเลเซียแอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH370 ที่ขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 00.41 น. ของวันเสาร์ ที่ 8 มีนาคม 2557 มีกำหนดถึงปลายทาง ณ กรุงปักกิ่งในเวลา 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ต่อมาได้ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยหรือซากเครื่องบิน
และ เมื่อการสืบสวนพบว่า ในบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน มีผู้โดยสาร 2 คนใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าว เรื่องจึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกต่างพากันจับตาว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อมโยงกับ “การก่อการร้าย” หรือไม่!!
ดัง นั้นนอกจากภารกิจ “ค้นหา” เครื่องบินลำดังกล่าว ที่หลายหน่วยงานและหลายประเทศร่วมมือกัน อีกภารกิจหนึ่งที่ “สำคัญ” ไม่แพ้กัน ก็คือการค้นหาที่ไปที่มาของบุคคลผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ใช้หนังสือเดินทางปลอมไปกับเที่ยวบินดังกล่าว
ระดับ ที่ว่า เจ้าหน้าที่การข่าวและความมั่นคงของประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อม พล่านกันเป็นแถบๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งมหาอำนาจอย่างสหรัฐ ที่ถึงกับส่ง “เอฟบีไอ” เข้าร่วมสอบสวนด้วย!!
และ เนื่องจากการแกะรอยหนังสือเดินทางปลอมที่เริ่มต้นจากท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ นับตั้งแต่วันแรกที่เครื่องหายไปนั้น เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะระบุตัวบุคคลและสัญชาติผู้ต้องสงสัย 2 คนดังกล่าว รวมทั้งสาเหตุในการใช้หนังสือเดินทางปลอมได้อย่างแน่ชัด
จึง นำมาสู่การแกะรอยเพื่อสืบสวนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ที่ทำให้หน่วยข่าวทั้งเทศและไทย ไม่ว่าจะเป็น เอฟบีไอ ตำรวจสากล สันติบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯ ต่างพากันยกโขยงมุ่งหน้าสู่จังหวัด “ชลบุรี” เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.)
เนื่องจาก มีข้อมูลยืนยันว่า “ตั๋วเดินทาง” 2 ใบ ที่ 2 บุคคลผู้ต้องสงสัยใช้เป็นใบเบิกทางขึ้นเครื่องเที่ยวบินมรณะนั้น ถูก “ซื้อ” จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินแห่งหนึ่งจากเมือง “พัทยา” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทย
โดย ทุกฝ่ายคาดหวังว่า ข้อมูลที่ได้จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน จะนำไปสู่การปะติดปะต่อเรื่องราวของบุคคลปริศนา 2 รายนี้ได้!!
(1) –แกะรอยหนังสือเดินทางปลอม จากกัวลาลัมเปอร์ สู่พัทยา–
นับ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของวันเสาร์ที่สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 370 ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศและหลุดหายไปจากจอเรดาร์ ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบพบว่า มีผู้โดยสาร 2 ราย บนเที่ยวบินนี้ที่น่าจะใช้หนังสือเดินทางปลอม
นั่น เพราะระบบของสายการบิน เมื่อประสบเหตุผิดปรกติเช่นนี้ นอกจากแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทางสายการบินก็จะต้องรีบแจ้งรายชื่อผู้โดยสาร ตาม “สัญชาติ” ที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทางก่อนขึ้นเครื่องไปยังสถานทูตและประเทศต่างๆ ที่มีพลเมืองของตนบนเที่ยวบิน เพื่อการตรวจสอบและติดต่อญาติของผู้โดยสาร
และ เมื่อพบว่า ชาวออสเตรีย 1 คนและอิตาลี 1 คนที่มีชื่ออยู่บนเที่ยวบินนี้ ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัย และไม่ได้ขึ้นเที่ยวบินนั้น โดย “คริสเตียน โคเซล” วัย 30 ปีชาวออสเตรีย แจ้งว่า พาสปอร์ตหายไปตอนมาเที่ยวประเทศไทยเมื่อสองปีก่อน นอกจากนี้ “ลุยจิ มารัลดิ” ชาวอิตาลี วัย 37 ปีได้โทรศัพท์แจ้งครอบครัวจากประเทศไทยว่า เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี เขาไม่ได้ขึ้นเครื่องบินลำนั้น และพาสปอร์ตถูกขโมยเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว
ทั้ง เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจากประเทศตามหนังสือเดินทาง ประเทศที่เจ้าของแจ้งหาย โดยเฉพาะองค์การตำรวจสากลในเมืองลียงของฝรั่งเศส ที่ได้แถลง ยืนยันว่า หนังสือเดินทางสองเล่มนี้เป็นของพลเมืองของออสเตรียและอีตาลีซึ่งถูกแจ้งหาย ไปเมื่อปี 2012 และ 2013 หลังได้รับแจ้งก็บันทึกในคลังข้อมูลของหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยและสูญหาย ขององค์การตำรวจสากลแล้ว แต่เนื่องจากไม่มีประเทศใดค้นหาหนังสือเดินทางสองเล่มนี้ในคลังข้อมูล ดังนั้น องค์การตำรวจสากลจึงไม่ทราบว่าหนังสือเดินทางสองเล่มนี้ถูกใช้ในเที่ยวบิ นอื่นๆ หรือเข้าออกเมืองหรือไม่ในช่วงไม่นานนี้
เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานได้ทันทีว่า 2 ผู้โดยสารที่ขึ้นไปกับเที่ยวบินดังกล่าวนั้นเป็นตัวปลอมที่แอบใช้หนังสือเดินทางผู้อื่น!!
ดังนั้นนอกจากประเด็น “อุบัติเหตุ” แล้ว ประเด็น “วินาศกรรม” หรือ “ก่อการร้าย” ก็ถูกให้น้ำหนักเพิ่มทันที
ทว่า ภายหลังการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งการดูกล้องวงจรปิดจากที่สนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์รวมทั้งที่ อื่นๆ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอจะระบุตัวบุคคลและสัญชาติผู้ใช้ หนังสือเดินทางปลอม รวมทั้งไม่อาจระบุเหตุผลว่า เจตนาก่อการร้ายหรือไม่
เหลือ เพียงทางเดียวคือการแกะรอยจาก “ตั๋วเดินทาง” ซึ่งตามข้อมูลที่ได้จากสายการบินระบุว่า ถูกซื้อจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบินแห่งหนึ่งในเมือง “พัทยา” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทย
นักสืบทั้งเทศและไทยจึงพากันยกโขยงเข้าสู่เมืองพัทยาทันที!!
(2) –เปิดรายชื่อ 2 บริษัททราเวลเอเยนซี่ และขั้นตอนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน–
ทราเวล เอเยนซี่หรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน 2 แห่งในเมืองพัทยาที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ออกตั๋วให้ผู้โดยสารที่ปลอม หนังสือเดินทางบนเที่ยวบิน MH370 คือ “บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด” ตั้งอยู่เลขที่ 333/99-102 ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช ถนนเลียบชายหาดพัทยา และ “บริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด” ตั้งอยู่เลขที่ 59/29 ถ.พระตำหนัก พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ สถานะของบริษัทแรก คือ “บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด” นั้น อยู่ในสถานะตัวแทนจำหน่ายตัวเครื่องบินเต็มตัว หรือในวงการทราเวลเอเยนซี่ เรียกกันว่า BSP-Agent (Bank Settle Plan) คือเอเย่นต์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของสายการบินโดยตรง สามารถพิมพ์ออกตั๋วเครื่องบินเองได้ มีการจดค้ำประกันและขึ้นทะเบียนกับ IATA (International Air Transport Association) หรือสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
ขณะที่ “บริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด” นั้น อยู่ในสถานะ Non-BSP Agent หรือ Sub-Agent คือเอเยนต์ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของสายการบินโดยตรง ต้องออกตั๋วเครื่องบินผ่าน BSP-Agent อีกทอดหนึ่ง
โดย ธุรกิจของ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” นอกจากจำหน่ายตั๋วเครื่องบินทั้งในและต่างประเทศแล้ว ก็ยังรับจองโรงแรมอีกด้วย ลูกค้าของบริษัทคือนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปที่เดินทางมาท่องเที่ยวยัง เมืองพัทยา แต่ส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการที่นี่มักเป็นลูกค้าชาวอาหรับ และอิหร่าน จนกลายเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
นั่น เพราะบริษัทตั้งอยู่บนถนนสาย 2 พัทยาใต้ ซึ่งเป็นแหล่งของอาหรับและอิหร่าน อีกทั้งพนักงานของบริษัทสามารถสื่อสารได้หลายภาษา นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังสามารถสื่อสารภาษาเปอร์เซียของชาวอิหร่าน และภาษาอาหรับ ซึ่งโดยมากชาวอาหรับและอิหร่านมักสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีมากนัก และนอกจากนั้นราคาก็มักจะถูกกว่าเมื่อเทียบกับเอเย่นต์อื่นๆ ในย่านนั้น จึงมีการพูดกันปากต่อปากในหมู่นักท่องเที่ยว เหตุนี้ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” จึงเป็นนิยมในหมู่ชาวอาหรับและอิหร่าน
สำหรับ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวและจำหน่ายตั๋วเครื่องบินนั้นเป็นไปในรูปแบบของคู่ ค้าทางธุรกิจ โดยเมื่อ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” มีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อตั๋วเดินทาง หลังจากตกลงสายการบิน เที่ยวบิน และราคา จนลูกค้าพอใจและตกลงสั่งซื้อ ก็จะทำการจองในระบบ จากนั้นก็โอนโค๊ดการจองไปให้บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด ในฐานะ BSP เป็นผู้ออกตั๋ว
ที่ผ่านมาการทำธุรกิจของ 2 บริษัทดำเนินไปตามปรกติของการทำธุรกิจในเมืองท่องเที่ยว จนกระทั่งวันที่ 8 มีนาคม เมื่อสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH370 ได้ขาดการติดต่อและหายไปอย่างปริศนา
…มรสุมแห่งความยุ่งยากก็เริ่มตั้งเค้า!!

(3) — เจ้าหน้าที่รุดขอข้อมูล 2 บริษัทจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน —
ท่ามกลางความวิตกของเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง โดยไม่ประสงค์ให้การขอข้อมูลของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นไปอย่างเอิกเกริก เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์และความน่าเชื่อถือบริษัท รวมทั้งความปลอดภัยของพนักงาน
แต่ ทว่าเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 10 มี.ค.57 เจ้าหน้าที่ จากหลายหน่วยงาน ทั้ง เอฟบีไอ ตำรวจสากล สันติบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ตำรวจฝ่ายสืบสวนท้องที่ ฯ ก็ได้เดินทางไปยัง “บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด” ที่ตั้งอยู่ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการขายตั๋วเครื่องบินให้กับ 2 ชาวต่างชาติที่ต้องสงสัย
แต่ เมื่อการเดินทางมาโดยเจ้าหน้าที่ขบวนใหญ่ อีกทั้งยังมีสื่อมวลชนที่ทราบข่าวอีกจำนวนมากติดตามไปด้วย การขอข้อมูลจึงเป็นไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย และไม่ได้รายละเอียดเท่าใดนัก
โดย ได้รับข้อมูลจากพนักงานของบริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล ว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อสั่งจองตั๋วเครื่องบินจำนวน 2 ใบ จากบริษัท แกรนด์ ฮอไรซั่น ทราเวล จำกัด ให้กับลูกค้า ที่มีกำหนดขึ้นเครื่องเดินทางจากมาเลเซียไปยังประเทศจีนในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ทางบริษัทจึงส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ตเมื่อช่วงค่ำวัน เดียวกัน
ส่วน “ผู้ซื้อ” และ “วิธีการสั่งซื้อ” นั้น ทาง บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เนื่องจากเป็น BSP ไม่ได้รับลูกค้าด้วยตนเอง
ต่อ มาเจ้าหน้าที่พร้อมสื่อมวลชนก็ได้เดินทางไปยัง บริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด ย่านพัทยาใต้ ซึ่งสร้างความโกลาหลเป็นอย่างมาก จนเจ้าของบริษัทได้ขอร้องเจ้าหน้าที่ให้กันสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ เกี่ยวข้องออกไปด้านนอก ซึ่งเจ้าหน้าก็อำนวยความสะดวกให้
การ สอบถามและขอข้อมูลจึงได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีฝรั่ง 3 คน เป็นผู้ซักถามหลัก ซึ่งแม้กระทั่งสื่อมวลชนที่ตามมาด้วยก็ไม่ทราบมาก่อนว่าพวกเขาคือ “เอฟบีไอ” นอกจากนั้นยังมีตำรวจสากล และเจ้าหน้าที่ไทยหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังและสอบถาม
ข้อมูลเกี่ยวผู้สั่งซื้อตั๋วเดินทาง วิธีการสั่งซื้อ รวมทั้งสัญชาติ จึงเริ่มคลี่คลายกระจ่างมากขึ้น!!
(4) — เปิดชื่อ “อะลี” (Mr.Ali) สัญชาติอิหร่าน “คนกลาง” สั่งซื้อตั๋วเดินทาง 2 ใบ —
เป็น ที่ชัดเจนว่า “บริษัท แกรนด์ ฮอไรซั่น ทราเวล จำกัด” เป็นผู้จำหน่ายตั๋ว 2 ใบ ที่ทราบภายหลังว่า ผู้โดยสาร 2 คนนี้ได้ใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางไปกับเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ ที่ตอนนี้ได้ขาดการติดต่อไปอย่างน่าฉงน
โดยกรณีนี้ “บริษัท แกรนด์ ฮอไรซั่น ทราเวล จำกัด” ได้รับคำขอซื้อตั๋วเดินทางจากลูกค้าประจำคนหนึ่ง ที่ชื่อ “มิสเตอร์อะลี” (Mr.Ali)
ซึ่ง ที่ผ่านมา “อะลี” คนนี้จะทำตัวเป็นคนกลางหรือในภาษาคนวงการท่องเที่ยวคือ “จับแขก” ที่เป็นนักท่องเที่ยวในพัทยาซึ่งต้องการออกตั๋วเดินทาง หรือเปลี่ยนวันเดินทาง ทั้งในและต่างประเทศ โดยนำมาให้ “แกรนด์ ฮอไรซั่น ทราเวล” เป็นผู้ดำเนินการ ก่อนจะนำไปบวกกำไรอีกทอดหนึ่ง
“อะ ลี” มีรายชื่อลูกค้ามาเปลี่ยนวันเดินทางและออกตั๋วกับ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” เป็นประจำเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง จนกลายเป็นลูกค้าประจำและคุ้นเคย ถ้าตัวเขาอยู่ที่พัทยาก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาด้วยตนเอง หรือไม่ก็ใช้โทรศัพท์โทรสอบถาม จอง หรือ สั่งซื้อตั๋ว
อย่างไร ก็ตามพนักงาน แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล ก็ไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขามากนัก รู้แต่เพียงว่าชื่อ อะลี (Mr.Ali) สัญชาติอิหร่าน เดินทางเข้าออกพัทยาเป็นประจำ และเคยมีร้านอาหารที่พัทยามาก่อน


กระทั่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ประมาณบ่ายโมงกว่า ทาง “อะลี” ก็ได้โทรทางไกลมาจากประเทศอิหร่าน เข้ามือถือของบริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล ว่า ต้องการตั๋วเครื่องบิน 2 ใบ เดินทางในช่วงวันที่ 6-9 มี.ค.
โดยใบแรกเดินทางจาก กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยัง เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน และ อีกใบหนึ่งเดินจากกัวลาลัมเปอร์ เช่นกัน แต่จุดหมายคือ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
เขาขอเช็คราคา และให้ทาง “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” ดูสายการบินที่ “ราคาถูกที่สุด” สำหรับเส้นทางดังกล่าว และแจ้งว่าอีก 10 นาทีจะโทรมาเอารายละเอียด
ทางบริษัทได้เช็คราคาสายการบินให้ กระทั่งเมื่อ “อะลี” โทรมาอีกครั้ง ทางบริษัทได้เสนอและแจ้งราคาของ สายการบิน “การ์ต้า” กับ “เอทิฮัด” ไป เพราะว่าเป็นเที่ยวบินที่ใช้เวลาต่อเครื่องน้อยที่สุด ทาง “อะลี” ได้ตอบตกลง และให้ทำจองไว้ก่อน โดยส่งชื่อผู้โดยสารมาทางข้อความเข้าโทรศัพมือถือ
เป็นชื่อ… “คริสเตียน โคเซล” และ “ลุยจิ มารัลดิ” !!
“แก รนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” ได้จองบุ้คกิ้งไว้ในชื่อของ 2 คนดังกล่าว สำหรับการเดินทางในวันที่ 6 และวันที่ 7 มี.ค. โดย “อะลี” แจ้งว่าเมื่อไหร่เขายืนยันให้ออกตั๋ว ก็จะโอนเงินค่าตั๋วเดินทางผ่านเพื่อนของเขา ซึ่งจะแจ้งเบอร์ติดต่อเพื่อนคนดังกล่าวมาให้อีกที
ผ่าน ไปหลายวัน อะลี ก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา จนบุ้คกิ้งโดนตัด ทางบริษัทก็ไม่ได้ตามเรื่องต่อ เพราะคิดว่าคงเปลี่ยนแปลงการเดินทางหรือไปออกตั๋วกับบริษัทอื่น ซึ่งกรณีเช่นนี้ที่ลูกค้าจองบุ๊คกิ้งแล้วไม่ได้ยืนยันหรือซื้อตั๋วกับทาง บริษัทนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว
5–“อะลี” สั่งออกตั๋ว 2 ใบ “ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์”
จน กระทั่งมา วันพฤหัสที่ 6 มี.ค. ช่วงบ่ายๆ “อะลี” ก็โทรติดต่อมาที่ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” ว่าจะออกตั๋วตามที่เคยจองไว้ แต่เจ้าหน้าแจ้งไปว่าบุ้คกิ้งโดนตัดไปแล้ว และเมื่อเช็คข้อมูลอีกครั้งก็พบว่า ที่นั่งในคลาสเดียวกันเต็มหมดแล้ว ถ้าจะจองเป็นสายการบินเดิมราคาจะสูงมาก
อะ ลีเลยให้ดูสายการบินอื่น โดยยังย้ำเช่นเดิมว่า ให้เอาที่ราคาไม่สูงมาก เจ้าหน้าที่บริษัทเข้าไปเช็คในระบบ ก็พบว่ามีสายการบิน “ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์” ซึ่งออกเดินทางในวันที่ 8 มีค. ที่ราคาไม่แพง และใช้เวลาในการต่อเครื่องไม่มากนัก เพียงแต่ต้องแวะ 2 ครั้ง คือที่ปักกิ่งและอัมสเตอร์ดัม
เมื่อ “อะลี” โทรกลับมา เจ้าหน้าที่ก็แจ้งราคาและรายละเอียดการเดินทางไป เขาตอบตกลงและให้ทำจอง บอกจะแจ้งอีกครั้งว่าจะจ่ายค่าตั๋วเดินทางยังไง


ช่วง ประมาณ 6 โมงเย็น ของวันเดียวกัน ทาง “อะลี” โทรมาแจ้งยืนยันว่าให้ออกตั๋วได้เลย เจ้าหน้าได้สอบถามว่า ผู้โดยสารถือสัญชาติอะไร ทำไมซื้อตั๋วเที่ยวเดียว (วันเวย์) เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาในการเข้าประเทศ อะลีแจ้งว่า คนหนึ่งถือพาสปอร์ต “ออสเตรีย” และอีกคน “อิตาลี” ซึ่งไม่มีปัญหาหากจะซื้อตั๋ววันเวย์เข้าไปประเทศดังกล่าว
จากนั้น อะลีให้ชื่อของ “มร.ฮาชิม” พร้อมเบอร์โทรศัพท์กับพนักงานบริษัท “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” แจ้งว่าให้โทรหา “มร.ฮาชิม” ซึ่ง อยู่ในเมืองไทย เรื่องเงินค่าตั๋วเดินทาง เมื่อพนักโทรหา “มร.ฮาชิม” ทีแรก “มร.ฮาชิม” บอกจะโอนให้เข้าบัญชีบริษัท แต่เมื่อสอบถามที่อยู่และทราบว่า เขาเปิดร้านขายกรอบรูปอยู่ใกล้ๆ กับสำนักงานของ บริษัท “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” จึงได้ให้พนักงานอีกคนเดินไปรับเงินค่าตั๋วเครื่องบินจาก “มร.ฮาชิม”
หลัง จากได้เงินเรียบร้อยแล้ว ทาง บริษัท “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” จึงได้โทรแจ้งไปยัง “บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด” เพื่อสั่งออกตั๋ว เมื่อออกตั๋วเสร็จเรียบร้อย บริษัท ซิกสตาร์ ก็ ส่งตั๋วมาให้ “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” ทางอีเมล์ จากนั้น “แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล” ก็ได้ส่งต่ออีเมล์ดังกล่าวไปยัง “อะลี”
(โปรดรออ่านต่อตอนต่อไป)