ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและตุรกีอาจมุ่งหน้าไปสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง เนื่องจากพัฒนาการล่าสุดในซีเรียที่ทำให้ทั้งสองประเทศขัดแย้งกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าด้วยอาวุธโดยตรง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากในอิสตันบูลได้ออกมาประท้วงต่อต้านอิสราเอล แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ หลังสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่ดำเนินมากว่าหนึ่งปีครึ่ง ด้านประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอาน ยังคงชูแนวทางต่อต้านอิสราเอลอย่างหนักหน่วง เขายังกล่าวว่า “อิสราเอลเป็นรัฐที่ก่อการร้าย” ซึ่งคำกล่าวนี้จุดประกายให้เกิดการตอบโต้จากผู้นำอิสราเอลอีกด้วย
สงครามที่เริ่มต้นจากการโจมตีของฮามาสเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ได้ขยายตัวจนกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค ซึ่ง เดอะเยรูซาเล็มโพสต์ สื่ออิสราเอล ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ในซีเรียกำลังทำให้ตุรกีและอิสราเอลเข้าใกล้การเผชิญหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ผลประโยชน์ขัดแย้งในซีเรีย
ตุรกีกำลังเสริมสร้างอิทธิพลในซีเรีย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่ ขณะที่อิสราเอล ซึ่งรักษาความสัมพันธ์ลับกับชาวเคิร์ดมาหลายปี มองพวกเขาเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพในการต่อต้านอิหร่าน
นโยบายของตุรกีในซีเรียเน้นการขจัดกลุ่มติดอาวุธเคิร์ดที่รัฐบาลมองว่าเป็นภัยคุกคามโดยตรง เออร์โดอานได้ส่งกองทัพเข้ามาในพื้นที่ชายแดนซีเรีย ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอลที่กังวลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของกลุ่มสนับสนุนอิหร่านในภูมิภาคนี้
“เออร์โดอานต้องการเสริมอิทธิพลในซีเรียและลดบทบาทของชาวเคิร์ด แต่การเคลื่อนไหวนี้นำตุรกีใกล้ชิดกับพรมแดนอิสราเอล” ศาสตราจารย์เอฟรัต อาวีฟ จากมหาวิทยาลัยบาร์-อิลาน กล่าวตามรายงานของ เดอะเยรูซาเล็มโพสต์
ในเวลาเดียวกัน อิสราเอลยังคงยืนกรานปกป้องผลประโยชน์ของตนในภูมิภาค และไม่ยอมให้การเคลื่อนไหวของตุรกีขัดขวาง อิสราเอลยังคงทำการโจมตีทางอากาศในซีเรียเพื่อทำลายฐานที่มั่นของอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอิหร่าน
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
ในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและอิสราเอลเคยแน่นแฟ้น แต่ได้เสื่อมถอยลงหลังจากเหตุการณ์ในปี 2010 เมื่อกองเรือช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์จากตุรกีปะทะกับกองกำลังอิสราเอลบนเรือ Mavi Marmara โดย เยรูซาเล็มโพสต์ ชี้ว่า เหตุการณ์นี้ยังคงหลอกหลอนความสัมพันธ์จนถึงปัจจุบัน
แม้จะมีความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ในปี 2022 แต่สงครามในกาซาได้ทำให้เออร์โดอานประกาศตัดความสัมพันธ์อีกครั้ง และกำหนดมาตรการทางการค้าต่ออิสราเอล
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เฮย์ เอย์ตัน โคเฮน ยานาโรแชก จากศูนย์วิจัยนโยบายตะวันออกกลางแห่งมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ ชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงพึ่งพากันในบางมิติ “อิสราเอลไม่ต้องการศัตรูเพิ่ม ขณะที่ตุรกีต้องการรักษาการเข้าถึงชาวปาเลสไตน์”
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินไป โดยการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์การเมืองกลับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความร่วมมือนี้
สถานการณ์ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
ด้วยสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงในซีเรียและความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจาก เดอะเยรูซาเล็มโพสต์ เตือนว่า การเผชิญหน้าระหว่างตุรกีและอิสราเอลอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิสราเอลยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากแนวรบอื่น ๆ เช่น เลบานอน
“อิสราเอลจะไม่ยอมให้อิหร่านหรือผู้สนับสนุนเข้าใกล้พรมแดนทางเหนือ แม้จะต้องแลกกับความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงกับตุรกี” อาวีฟกล่าว
ในรายงานนี้ เดอะเยรูซาเล็มโพสต์ สรุปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อน และอนาคตอันใกล้ของภูมิภาคอาจขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นนี้
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียและอิหร่านในซีเรียยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างมีเป้าหมายร่วมกับตุรกีในบางด้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแข่งขันด้านผลประโยชน์ในภูมิภาคนี้ด้วย