อินดีเพ็นเดนท์ – อายะตุลเลาะห์ คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่า ประเทศจะต้องเปิดตัวเองสร้างความสัมพันธ์กับโลก ยกเว้น”สหรัฐและระบอบไซออนิสต์”
ทรรศนะของ อายะตุลเลาะห์ อะลี คอเมเนอี มีขึ้นหลังการเลือกตั้งในสาธารณรัฐอิสลาม ในการพบปะกับสมาชิกสภาผู้ชำนาญการที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งใหม่ โดยสภานี้มีหน้าที่กำกับดูแลการแต่งตั้งและถอดถอนผู้นำสูงสุด
“สาธารณรัฐอิสลามไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อตะวันตก ทว่าเมื่อโครงสร้างแห่งเอกราชได้ถูกสร้างขึ้นในประเทศนี้ และมันก็เป็นตะวันตกที่เริ่มต้นแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อเรา เราประสบความเดือดร้อนเสียหายอันเกิดจากตะวันตก และเราไม่ควรลืมในสิ่งที่ตะวันตกทำกับเรา “สำนักข่าวเมะห์ (Mehr) ของอิหร่านรายงานคำพูดของ อายะตุลเลาะห์ คอเมเนอี
“ข้าพเจ้าไม่ได้โปรดปรานการตัดความสัมพันธ์กับตะวันตก แต่เราต้องรู้ว่าใครกันที่เรากำลังทำความตกลงด้วย” เขากล่าวเพิ่มเติม และว่า “เราจะต้องมีความสัมพันธ์กับทั่วทั้งโลก ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและระบอบไซออนิสต์ เราต้องรู้ว่าโลกไม่ไช่เพียงตะวันตกและยุโรปเท่านั้น วันนี้อำนาจกระจายทั่วโลก ทั้งโลกตะวันออกและเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคกว้างไพศาล”
หลังการยุติมาตรการคว่ำบาตรต่อสาธารณรัฐอิสลาม ประเทศนี้ได้เพิ่มการค้าการลงทุนกับตะวันตก มีข้อตกลงทางการค้าหลายฉบับในช่วงทัวร์ยุโรปครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี เช่นเดียวกับผลผลิตน้ำมันที่กระโดดเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอบเขตที่เหมาะสมของประเทศในการร่วมมือกับตะวันตกกำลังเป็นจุดกำเนิดของแรงเสียดทานระหว่างกลุ่มสายกลางและสายเหยี่ยวในอิหร่าน โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าอิหร่านควรมีความเกี่ยวข้องกับบางประเทศให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งสหรัฐและอิสราเอลถูกจัดอยู่ในรายชื่อระดับต้นๆ
ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีความมั่นคงและเศรษฐกิจภายในมั่งคั่ง บรรดาผู้ที่กำลังพยายามระรานอิหร่านและกำลังต่อต้านเราก็จะเรียงแถวเข้ามาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับระบอบอิสลามแห่งนี้”