ครั้งแรก! สุไหงโก-ลก มีเพลงประจำอำเภอเป็นของตัวเอง พร้อมเปิดตัวลายผ้าท้องถิ่น หวังยกระดับสู่เมืองแห่งการเรียนรู้

โดย
เลขา เกลี้ยงเกลา
-

มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) นำทีมวิจัย ประพันธ์เพลง “ที่สุไหงโก-ลก” สร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม พร้อมออกแบบลายผ้าสุไหงโก-ลก มุ่งสู่ KOLOK Learning City

ในงาน “BORDER TRADE NARATHIWAT FAIR 2025” เทศกาลส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของโครงการวิจัยสุไหงโก-ลก มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดนราธิวาสและเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้มีการเปิดตัว “เพลงประจำอำเภอสุไหงโก-ลก” เป็นครั้งแรก พร้อมเผยโฉมลายผ้าประจำอำเภอที่ออกแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นและสร้างภาพลักษณ์ของสุไหงโก-ลกให้เป็น “เมืองแห่งการเรียนรู้” อย่างยั่งยืน

เปิดตัว “เพลงที่สุไหงโก-ลก” สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น

อาจารย์ศรัณ เนื้อน้อย รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา คณะวิทยาการจัดการ มนร. เปิดเผยว่า ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับ ครูตู้และครูอร ซึ่งเป็นชาวสุไหงโก-ลก ในการประพันธ์เพลง “ที่สุไหงโก-ลก” เพื่อเป็นเพลงประจำอำเภอที่สะท้อนถึงความงดงามของท้องถิ่น โดยมีนักเรียนระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนสุไหงโก-ลก ขับร้องประสานเสียง

“สุไหงโก-ลก มีเพลงประจำอำเภอของตัวเองแล้ว เราหวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและรู้สึกภูมิใจกับบทเพลงนี้” อ.ศรัณ กล่าว

ลายผ้าสุไหงโก-ลก สู่การสร้างอัตลักษณ์ผ้าท้องถิ่น

นอกจากบทเพลงแล้ว ทีมวิจัย มนร. ยังได้ร่วมพัฒนาลายผ้าประจำอำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน โดยในงานมีการจัด แฟชั่นโชว์ผ้าปาเต๊ะ นำเสนอความงดงามของผ้าปาเต๊ะบาโงเปาะเล็งจาก กลุ่มซาโลมา ปาเต๊ะ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ การเดินแบบครั้งนี้จัดขึ้นใน สามช่วงวัย ได้แก่ เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ สะท้อนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของชุมชน

มุ่งสู่ KOLOK Learning City เมืองแห่งการเรียนรู้

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับสุไหงโก-ลกให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน

“เราต้องการสร้างการรับรู้ให้กับคนในพื้นที่ว่า สุไหงโก-ลก มีของดีมากมาย ทั้งบทเพลง ลายผ้า และวัฒนธรรมที่งดงาม ซึ่งเราหวังว่าคนในชุมชนจะร่วมภาคภูมิใจ และมองเห็นความตั้งใจของ มนร. ในการพัฒนาเมืองนี้” อาจารย์ศรัณ กล่าวทิ้งท้าย