ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุ 400 ราย หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ทั่วกาซา

สตรีชาวปาเลสไตน์นั่งไว้อาลัยร่วมกันข้างร่างของผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอล ซึ่งถูกห่อด้วยผ้าขาวและวางอยู่บนพื้นภายในโรงพยาบาลอะห์ลีอาหรับ หรือที่รู้จักกันในชื่อโรงพยาบาลแบ๊บติสต์ ในกาซาซิตี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2025 (ภาพโดย AFP via Presstv)

เพรสทีวี – กองทัพอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 412 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรีทั่วฉนวนกาซา ในการโจมตีขนาดใหญ่ที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส

รายงานระบุว่าผู้เสียชีวิต 77 ราย อยู่ในเมืองคานยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา และ 20 ราย อยู่ในกาซาซิตีทางตอนเหนือ ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บอีก กว่า 500 คน ตามรายงานของสำนักข่าว Sama เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

การโจมตีทั่วพื้นที่กาซา

ตามรายงาน ระลอกการโจมตีล่าสุดของอิสราเอลได้ถล่มเป้าหมายทั่วทั้งฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกทำลายอย่างหนักจากสงครามก่อนหน้านี้ การโจมตีมุ่งเป้าไปยัง อาคารที่พักอาศัย โรงเรียน และศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัย

สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า มีเสียงระเบิดดังไปทั่วพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของกาซา ขณะที่โดรนสอดแนมและเครื่องบินรบของอิสราเอลยังคงบินอยู่เหนือพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

การละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 15 เดือน หลังจากที่ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธในกาซาเปิดปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง

ในปฏิบัติการดังกล่าว นักรบปาเลสไตน์สามารถ บุกลึกเข้าไปในดินแดนอิสราเอล โจมตีฐานทัพยุทธศาสตร์ และจับตัวชาวอิสราเอลกว่า 240 คน ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกัน-อิสราเอลบางราย

ตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มขึ้น อิสราเอลได้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปิดกั้น อาหาร ยารักษาโรค และน้ำดื่ม เพื่อกดดันให้ฮามาสปล่อยตัวเชลยที่เหลือ

ฮามาสกล่าวหาอิสราเอลบ่อนทำลายข้อตกลง

กลุ่มฮามาสกล่าวหาว่าอิสราเอลพยายามล้มข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่าการปล่อยตัวเชลยที่เหลือขึ้นอยู่กับการดำเนินการของ ระยะที่สองของข้อตกลง

ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ Ma’ariv ของอิสราเอลรายงานว่า เทลอาวีฟปฏิเสธข้อเสนอปล่อยตัวเชลยชาวอเมริกันบางส่วน และแจ้งกับสหรัฐฯ ว่าการเจรจาเพื่อปล่อยตัวเชลยที่เหลือได้สิ้นสุดลงแล้ว

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลได้อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และรัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล แคทซ์ ตัดสินใจเรื่องเวลาในการกลับมาโจมตีกาซาอีกครั้ง

ไฟเขียวจากรัฐบาลทรัมป์

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า อิสราเอลได้ปรึกษากับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนเปิดฉากโจมตีกาซาในคืนที่ผ่านมา

โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ แถลงว่า “ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้รับคำปรึกษาจากอิสราเอลเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีในกาซาคืนนี้”

คำสั่งอพยพครั้งใหม่

โฆษกกองทัพอิสราเอล อาวิคไฮ อัดราอี ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนใน เบตฮานูน คิรเบต คูซา อาบาซาน อัล-คาบิรา และอาบาซาน อัล-จาดิดา อพยพออกจากพื้นที่ทันที โดยระบุว่าพื้นที่เหล่านี้จะกลายเป็น “เขตสู้รบอันตราย”

ฮามาสประณามอิสราเอล

ฮามาสออกแถลงการณ์ตำหนิอิสราเอล โดยกล่าวหาว่า เนทันยาฮูและรัฐบาลของเขาทำลายข้อตกลงหยุดยิง และเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสังหารหมู่ในกาซา

“เราถือว่า เนทันยาฮูและรัฐบาลไซออนิสต์ ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการโจมตีอันโหดร้ายที่เกิดขึ้น” แถลงการณ์ของฮามาสระบุ

ฮามาสยังเรียกร้องให้ สหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กดดันอิสราเอลให้ปฏิบัติตามมติของ UNSC ที่สั่งให้ยุติการโจมตีกาซา

สงครามจะไม่ทำให้ศัตรูชนะ”

อิซซัต อัล-ริชก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส กล่าวหาว่าเนทันยาฮู ใช้สงครามเป็นทางออกจากวิกฤติการเมืองภายในของตนเอง

“ศัตรูจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายผ่านสงครามและการทำลายล้าง ในเมื่อพวกเขาล้มเหลวในการเจรจา”

เขาเสริมว่า “การกดดันทางทหารและการรุกรานที่โหดร้ายจะไม่มีวันทำลายเจตจำนงของประชาชนและกลุ่มต่อต้านของเราได้”