สหรัฐฯ คว่ำบาตร 19 องค์กรและเรือบรรทุกน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันอิหร่าน

Sputnik – สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อองค์กรและเรือบรรทุกน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีซึ่งผลิตโดยอิหร่าน ตามแถลงการณ์จาก กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี 20 มี.ค.

แถลงการณ์ระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งนี้มีเป้าหมายไปยัง 19 องค์กรและเรือบรรทุกน้ำมัน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการขนส่งน้ำมันอิหร่านหลายล้านบาร์เรล โดยเรือที่ถูกคว่ำบาตรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ “กองเรือเงา” ของอิหร่าน ซึ่งใช้ในการลักลอบขนส่งน้ำมันหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร

หนึ่งในเป้าหมายหลักของมาตรการคือ โรงกลั่นน้ำมัน “ทีบอท” ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน พร้อมกับ วัง ซิ่ว ชิง ผู้บริหารสูงสุดของโรงกลั่น แถลงการณ์ระบุว่าโรงกลั่นดังกล่าวซื้อและกลั่นน้ำมันดิบจากอิหร่านมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ

สก็อต บีซินต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า

“น้ำมันอิหร่านที่โรงกลั่น ‘ทีบอท’ ซื้อถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของระบอบอิหร่าน วอชิงตันมุ่งมั่นที่จะตัดช่องทางรายได้ที่อิหร่านใช้ในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์”

กระทรวงการคลังยังระบุว่า อิหร่านใช้เครือข่ายของเรือบรรทุกน้ำมันและบริษัทขนส่งในการขายน้ำมันเพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จะ “ระงับทรัพย์สินและผลประโยชน์ทั้งหมดขององค์กรเหล่านี้ในสหรัฐฯ” และกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง

มาตรการล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “แรงกดดันสูงสุด” ที่สหรัฐฯ นำกลับมาใช้ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่เขากลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในเดือนมกราคม 2025

นโยบายดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อสหรัฐฯ ถอนตัวออกจาก ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) ในปี 2018 โดยทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงที่มีขึ้นในปี 2015 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สหราชอาณาจักร เยอรมนี จีน รัสเซีย สหรัฐฯ และฝรั่งเศส กับอิหร่าน เพื่อลดการคว่ำบาตรแลกกับการจำกัดโครงการนิวเคลียร์

หลังจากการถอนตัว อิหร่านได้ลดข้อผูกพันตามข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มระดับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมและการวิจัยทางนิวเคลียร์ ส่งผลให้สหรัฐฯ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เศรษฐกิจอิหร่านเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้ออย่างรุนแรง