ดูเหมือนว่า สถานการณ์กรเมือง ณ เวลานี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังเผชิญกับ “แรงกระเพื่อม” ที่อาจไปกระทบ “โรดแม็ป” อย่างจั๋งหนับ ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายโรดโชว์ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในเวทีโลกตามยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย บวกกับการแถลงทางการเมืองของ “บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” อดีตนายกฯเจ้าของยุทธ์ศาสตร์ “โซ่ข้อกลาง” ที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ นับว่าเป็น “แรงปะทะ” ที่คสช.และรัฐบาลต้องรับไปเต็มๆ
เริ่มจาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีใช้เวทีโลกขย่มรัฐบาลและคสช.แบบต่อเนื่อง ล่าสุดได้ไปกล่าวบรรยายในงาน “สนทนาเป็นการส่วนตัวกับทักษิณ ชินวัตร” (Thaksin Shinawatra in Private Discussion) จัดโดยสถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของไทยจะไม่สามารถวางโครงสร้างพื้นฐานในเชิงสถาบัน ส่งเสริมให้มีการลงทุน การผลิต และความร่วมมือระหว่างไทยกับต่างประเทศได้ เพราะอาจเปิดช่องให้มีการ “แทรกแซง” อำนาจฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ โดยอำนาจพิเศษของ ส.ว.แต่งตั้ง และฝ่ายตุลาการ เมื่อพิจารณาเค้าโครงร่างรัฐธรรมนูญ คงเป็นไปได้ยากที่จะได้รัฐบาลที่ตอบสนองความต้องการประชาชน และความท้าทายในศตวรรษที่ 21
สรุปสั้นๆ หากร่างรัฐธรรมนูญออกมาตามพิมพ์เขียมเช่นนี้ จะทำให้ประเทศชาติถอยหลัง การให้อำนาจ ส.ว.ลากตั้ง และศาลรัฐธรรมนูญจนล้น จะทำให้ไล่ตามศตวรรษที่ 21 ไม่ทัน
นี่คือศึกนอกจากคนแดนไกล!
หากแต่ศึกในก็ยังมีทีท่าว่าจะระอุขึ้นโดยพลัน เมื่อ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์–พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังยืนยันที่จะได้ส.ว.มาจากการแต่งตั้งในช่วงการ “เปลี่ยนผ่าน” ที่มีกำหนด 5 ปี โดยมีสียงตอบรับอย่างแข็งขันออกมาจากทั้งสนช.และสปท.รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ
“พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ยังย้ำว่า ข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สาย ที่ส่งไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ไม่ได้เป็นการกดดัน กรธ. เพราะเป็นธรรมดาที่ต้องเขียนไว้เพื่อการดำเนินการช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ 5 ปี ให้เกิดความชัดเจน ส่วนรัฐธรรมนูญถาวร จะไม่มีเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะทำแค่ในบทเฉพาะกาลเท่านั้น ส่วนการเปิดโอกาสให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้ามาทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ด้วยนั้น เพื่อต้องการไม่ให้เกิดการรัฐประหารซ้ำ
แต่หากจับ “อาการ” ของ “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ณ เบื้องแรกดูเหมือนยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า จะ “เอาด้วย” กับข้อเสนอแนะของ “บิ๊กบราเธอร์” หรือไม่ แต่หากดูจากกคำพูดที่ว่า “ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะ ยังไม่เห็นข้อเสนออย่างเป็นทางการ เมื่อรับแล้วต้องพิจารณาว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าพิจารณาแล้วทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำ ไม่ได้ก็คือไม่ได้”… ก็ต้องมาลุ้นกันว่าหวยจะออกมาอย่างไร!?!
นอกจากศึกในที่ยังดูไม่ลงล็อคนักในการกำหนด “พิมพ์เขียวส.ว.ลากตั้ง” แล้ว ยังมีรายการฮึ่มกันเองของกลุ่มผู้กุมอำนาจ โดยเฉพาะที่บิ๊กบราเธอร์ “ส่งสัญญาณ” ให้ตำรวจไล่บี้ “พล.ร.อ.พะจุณณ์ตามประทีป” อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ที่ปัจจุบันนั่งแป้นเป็น สปท. กรณีส่งข้อความผ่านไลน์ แฉ “พลเอก” เกี่ยวโยง “ซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ”
ขณะ ที่ฝั่ง “พะจุณณ์” ระดมระดับบิ๊กเนมมาสู้ ทั้งทีมกฎหมายระดับอดีตรองประธานศาลฎีกา นอกจากทีมอนุกรรมาธิการฯใน สปท.ได้อดีต ส.ส.มือแฉข้อมูลจากค่าย ปชป.ช่วยไล่บี้ ลากชื่อตัวละครสำคัญๆออกมาแล้ว ยังเตรียมดึง “อดีต ผบ.ตร.” ในเครือบ้านใหญ่ย่านเทเวศร์ ออกมาเล่นข้อมูลร้อนซื้อขายเก้าอี้สีกากีอีก
แถมท้ายด้วยการออกโรงเคลื่อนไหวของ “พ่อใหญ่จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ออกมากระตุกรัฐบาล-คสช.ให้ “สละอำนาจ” เพราะแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านไม่ได้ แต่คราวนี้ “พ่อใหญ่จิ๋ว” เล่นบทเดิม อ้างเป็น “โซ่ข้อกลาง” ชูแนวทาง “ดอกไม้หลากสี” ด้วยการเปิดตัวการจัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 ระดมทุกสีเสื้อ ทั้งชาวไทยภูเขา ชนเผ่า คนยากจน เป็นแนวร่วม ช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ให้คนไทยเลิกคิดฆ่ากัน
พร้อมให้แง่คิดเตือนสติ “รัฐบาลท็อปบู๊ท” ว่า เวลานี้มีคนไม่ชอบทหารมากขึ้น จึงควรเร่งแก้ปัญหาความยากจนมากกว่าเอาเวลามาทุ่มเทเรื่องการเขียนร่าง รัฐธรรมนูญ หรือต่อว่านักการเมืองเลว
“ศึกนอก-ศึก” ในกำลังระอุ อำมาตย์-อำนาจเก่า กับขั้วอำนาจใหม่ต่างตั้ง “ป้อมค่าย” หยั่งเชิงรอดูจังหวะ ในห้วงใกล้ไคลแมกซ์ 2 ก๊ก 2 ขั้วยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่..!!