ดร.วินัย ดะห์ลัน ชี้ โรคกลัวอิสลามกำลังระบาด โลกมุสลิมต้องไม่ถลำลึกไปกว่านี้

วันนี้ (6 ก.พ.58) ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตคณบดี คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว www.facebook.com/winaidahlan  โดยมีเนื้อความว่า

โรคกลัวอิสลามกำลังระบาด โลกมุสลิมต้องไม่ถลำลึกไปกว่านี้

“อดีตสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นสร้างอนาคตได้เสมอ” คำพูดนี้มีความสำเร็จด้านการพัฒนาประเทศจีนและอินเดียในปัจจุบันเป็นสิ่งยืนยัน ทั้งสองประเทศนำเอาความภาคภูมิใจต่ออดีตอันรุ่งเรืองของตนเองเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สร้างสรรค์สังคมกระทั่งได้รับการยอมรับกันว่าทั้งสองประเทศจะก้าวขึ้นเป็นแหล่งอารยธรรมใหม่ในอนาคต แรงบันดาลใจจากอดีตจึงสร้างแรงกระเพื่อมมหาศาลให้กับปัจจุบัน ผู้ใดล่วงรู้เคล็ดลับนี้ย่อมควบคุมการสร้างอนาคตได้ จีนและอินเดียจึงโชคดีที่ค้นพบเคล็ดลับนี้ก่อนมีใครได้ทันทำลาย

ในบรรดาความรุ่งเรืองจากอดีตทั้งหลาย ไม่มีอารยธรรมใดเทียบเคียงได้กับอารยธรรมของโลกมุสลิมที่เคยสร้างความรุ่งเรืองในโลกได้ถึงสองยุคสองสมัย นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าโลกตะวันตกในอดีตได้ประโยชน์มากมายจากความรุ่งเรืองด้านวิทยาศาสตร์ของโลกมุสลิมกระทั่งสามารถสร้างปัจจุบันอันเรืองรองของตนได้ น่าเสียดายที่โลกมุสลิมกลับค้นไม่พบเคล็ดลับที่กล่าวถึงข้างต้น ความขัดแย้งเรื้อรังที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นในโลกมุสลิมมีส่วนอย่างสำคัญในการทำลายอดีตอันเรืองรองกระทั่งแทบไม่เหลือสิ่งใดให้เป็นแรงบันดาลใจได้เลย

อดีตอันรุ่งเรืองของนครดามัสกัส อเล็ปโป แบกแดด กูฟา บัสรา ถูกทำลายลงด้วยสงครามระหว่างมุสลิมสุดโต่งสองฝ่ายที่ถูกปั่นให้เกิดความขัดแย้งกันเอง ขณะที่อีกด้านหนึ่งมักกะฮ์ มะดีนะฮ์ ที่แม้ปราศจากสงครามทว่าอดีตอันน่าจดจำกลับถูกทำลายลงด้วยแนวคิดสุดโต่งทางศาสนา แทบไม่ต่างกัน

นักประวัติศาสตร์หลายกลุ่มกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่าหากโลกมุสลิมในวันนี้มีความรุ่งเรืองด้วยศิลปวิทยาการ ทั้งโลกจะได้อานิสงส์มากยิ่งไปกว่าที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตามถึงโลกมุสลิมในวันนี้จะถดถอยทว่ายังไม่ถึงกับสายเกินการ เพียงมุสลิมลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่แตกต่างกันทางนิกาย ทางสำนักคิด หรือทางการเมือง หรือทางเป้าหมายเฉพาะกลุ่มลงหันมามุ่งมั่นร่วมมือกันพัฒนาสังคมตนเอง ทำได้อย่างนั้นโลกในอนาคตจะได้อานิสงส์มากมาย วิธีการง่ายๆเพียงมุสลิมตระหนักถึงสิ่งที่นบีมูฮำมัด (ซ.ล.) เคยกล่าวไว้เมื่อพันสี่ร้อยปีมาแล้วว่า “มุสลิมคือผู้ที่มุสลิมอื่นปลอดภัยจากมือและลิ้นของเขา” เท่านั้น