ทำไมอนาคตของสงครามในซีเรียจึงขึ้นอยู่กับการต่อสู้เพื่ออาเลปโป??

© AFP 2016/ KARAM AL-MASRI

สถานการณ์ที่ซับซ้อนในเมืองอาเลปโป (Aleppo)ของซีเรียในช่วงนี้ ได้เผยให้เห็นความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเมืองแห่งนี้ ทั้งสหรัฐและรัสเซียได้ยืนยันในผดุงไว้ซึ่งการพักรบในอาเลปโป แต่มีสถานการณ์บางอย่างซึ่งอาจทำลายข้อตกลงดังกล่าว

“ข้อตกลงหยุดยิง” ในอาเลปโป มีผลในการลดความรุนแรงจากการสู้รบ รายงานของฝ่ายบริหารประธานาธิบดีสหรัฐระบุ

แต่ในขณะเดียวกันสำนักข่าวซานา (SANA) รายงานว่า ผู้ก่อการร้ายอัลนุสรา ฟรอนต์ (al-Nusra Front) และพันธมิตรของพวกเขาได้พยายามที่จะทำลายข้อตกลงหยุดยิง และยิงจรวด 20 ลูกเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือนของเมืองอาเลปโปในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12)

ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐรายงานว่า มอสโกและวอชิงตันได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในอาเลปโป ด้านดมิทรี เพสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า “การพักรบในอเลปโปนั้นเปราะบาง เพราะผู้ก่อการร้ายและนักรบฝ่ายต่อต้านมีปฏิบัติการที่อีรุงตุงนังอยู่ในเขตเมือง”

“ระยะเวลาหยุดยิง” เริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี  01:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กองทัพซีเรียรายงานว่าปฏิบัติการสู้รบจะหยุดลงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง นอกจากนี้การหยุดยิง จะครอบคลุมนอกเมืองดามัสกัสและเมืองลาตาเกียในภาคเหนือ

โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย นายพล อิกอร์ โคนาเชนคอฟ เน้นย้ำว่า “การหยุดยิง” ในอาเลปโป อาจจะเป็นขั้นตอนแรกเพื่อยุติความขัดแย้งทางทหารในซีเรีย

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในอาเลปโปยังคงมีความซับซ้อน

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาการปะทะกันอย่างดุเดือดในซีเรียเกิดขึ้นในอาเลปโป  มีรายงานกระสุนปืนครกและจรวดถูกยิงกันสนั่นหวั่นไหวมานานกว่าสัปดาห์ ผู้ก่อการร้ายพยายามที่จะโจมตีเมืองจากทางทิศใต้ เมื่อวันอังคารผู้ก่อการร้ายเกือบ 300 คนพยายามที่จะบุกเข้ามาในเขตของกองทัพรัฐบาลซีเรีย แต่ถูกโจมตีตอบโต้

ตามรายงานของผู้สื่อข่าวสายทหาร อิกอร์ ดมิทรีฟ ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ก่อการร้ายมากกว่า 14,000 คนที่รวมกำลังรอบเมือง ตั้งแต่กลุ่มอัลนุสรา ฟร้อนต์ ไปจนกระทั่งกลุ่ม ฟรีซีเรียนอาร์มี (Free Syrian Army)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ในข้อความที่ส่งถึงผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน  ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัลอัสซาด ได้เปรียบเทียบกับการต่อสู้เพื่ออาเลปโป เสมือนกับการต่อสู้ใน “สตาลินกราด”

ทั้งนี้การต่อสู้เพื่อสตาลินกราด ((ปัจจุบันชื่อโวลโกกราด)  เมืองทางตอนใต้ของรัสเซีย เป็นจุดหัหเหในสงครามโลกครั้งที่ 2 และกองทัพโซเวียตได้รับชัยชนะในเดือนมกราคม ปี 1943

“สตาลินกราดเป็นตัวอย่างสำคัญของอาเลปโปและเมืองทั้งหมดของซีเรีย ซีเรียสาบานว่าจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าผู้รุกรานจะพ่ายแพ้และชัยชนะเป็นของเราในที่สุด” ข้อความที่อัสซาดเขียนซึ่งยกมาโดยสำนักข่าวซานา

แต่อาเลปโปถูกเปรียบเทียบกับสตาลินกราดมาแล้วก่อนหน้า โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่นักสังเกตการณ์เขียนว่ากองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียสามารถปลดปล่อยเมืองเช่นเดียวกับกองทัพโซเวียตที่ได้ปลดปล่อยสตาลินกราดในปี 1942-1943

“ความขัดแย้งในซีเรียได้นำมาซึ่งการมีส่วนร่วมเป็นจำนวนมากของกองกำลังที่แตกต่างกัน และบางส่วนของพวกเขาไม่สนใจที่จะยุติสงคราม” นักวิเคราะห์ทางการเมืองชาวรัสเซีย อัซดา เคอร์ทอฟ (Azhdar Kurtov) กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Vzglyad

“กลุ่มหัวรุนแรงอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งใกล้อาเลปโป พวกเขาจึงไม่พร้อมที่จะประนีประนอมกับอัสซาด พวกเขายังมีสปอนเซอร์จากต่างชาติ เช่น ตุรกีและซาอุดีอาระเบีย แม้ว่ามอสโกและวอชิงตันจะอยู่ในจุดเดียวกัน แต่อังการาและริยาดก็จะยังคงให้การสนับสนุนการก่อการร้าย “เขาชี้ให้เห็น

นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มหัวรุนแรงในซีเรียจะทำทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อจะบ่อนทำลายการพักรบ

“สงครามในซีเรียจะสิ้นสุดลงได้ ก็เฉพาะหลังจากที่สู้รบกันจนฝ่ายคู่กรณีจะพ่ายแพ้ เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ที่ความขัดแย้งจะยังคงอยู่” เขาสรุป

อเล็กซานเดอร์ อิกนาเทนโก (Alexander Ignatenko) หัวหน้าของสถาบันเพื่อศาสนาและการเมืองศึกษา (Institute for Religious and Political Studies) ตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ในอาเลปโปมีความซับซ้อน

“ปัญหาหลักคือความจริงที่ว่า ผู้ก่อการร้ายอัลนุสรา ฟร้อนต์ ได้ปิดกั้นตัวเองอยู่ในอาเลปโป  นอกจากนี้ยังมีนักรบของฟรีซีเรียนอาร์มี และกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆ อีก” เขากล่าว

ปัจจุบันมันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำนแนกผู้ก่อการร้ายจากนักรบอื่นๆ ในอาเลปโป อิกนาเทนโกเน้นย้ำ

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ สหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้เจรจาด้วยความยากลำบากในกรณีอาเลปโป มอสโกทำแม้กระทั่งเจรจากับคณะมนตรีความมั่นคงให้ประกาศว่ากลุ่มนักรบอิสลาม (Jaysh al-Islam) เป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ก็ถูกปฏิเสธ” นักวิเคราะห์กล่าว

ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์แสดงความหวังว่า ข้อตกลงพักรบ 48 ชั่วโมงจะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

“คำนึงถึงตำแหน่งของวอชิงตันและตำแหน่งส่วนตัวของ (รมต.ต่างประเทศ) จอห์น เคอร์รี่ ทำให้โอกาสเป็นไปได้นั้นมีสูงขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้เคอร์รี่ได้ยอมรับว่ากองกำลังฝ่ายต่อต้านนั้นได้ยิงปืนใหญ่ใส่พลเรือน เมื่อผู้ก่อการร้ายได้รับการสนับสนุนในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้พวกเขากลายเป็นอุกอาจก้าวร้าวมากขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมความร่วมมือระหว่างวอชิงตันและมอสโกจึงให้ความหวังสำหรับการคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น” อิกนาเทนโก สรุป

แปล/เรียบเรียงจาก http://sputniknews.com