“อยากไปกินกุ้งแม่น้ำเผา” เพื่อนเปรยเสียงดัง พอได้ยินแบบนี้ก็เข้าทางเลยเพราะกำลังอยากจะไปเที่ยวตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา หรือถิ่นแปดริ้ว ซึ่งเป็นถิ่นเลี้ยงกุ้งแม่น้ำเผากับน้ำจิ้มซีฟู้ดเด็ดๆอยู่พอดี การเดินทางทัวร์ตลาดน้ำครั้งที่เท่าไหร่ ตลาดที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ เพราะการเดินทางทัวร์ตลาดน้ำ ช้อป ชิม ชม คือสิ่งที่เราไม่เคยพลาดอยู่แล้วเพราะ“การท่องเที่ยวตลาดน้ำต่างๆคือการเดินทางผจญภัยแสนอร่อยสำหรับพวกเรา
จากภาพยนตร์เรื่องฟอร์เรสกัมป์เคยบอกไว้ว่า“ในช็อคโกแลตแต่ละชิ้น เราไม่รู้ว่าไส้ข้างในจะเป็นอะไร ที่เราจะได้กิน”และอีกประโยค แต่ฟอร์เรสกัมป์ไม่ได้บอกไว้“ในตลาดน้ำแต่ละแห่งก็เช่นกัน เราก็ไม่รู้ว่าจะมีของอร่อยๆ อะไรบ้าง ที่เราจะได้กิน”
เกริ่น! แปดริ้วมีตลาดน้ำที่เด่นๆ อยู่ 3 ตลาด คือ ตลาดคลองสวนร้อยปี เป็นตลาดน้ำโบราณแห่งแรก ซึ่งเราพาไปเที่ยวกันแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว ตามมาด้วย ตลาดน้ำบ้านใหม่เป็นตลาดน้ำโบราณอีกแห่งที่น่าไปเยี่ยมเยียน และตลาดน้ำบางคล้า ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดตัวเมื่อปี2551ได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลบางคล้า เปิดบริการทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 08.00 -17.00 น. ปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละอาทิตย์
การเดินทางมาตลาดน้ำบางคล้าไปไม่ยากเลย เราไปครั้งแรกและขับรถไปเองแม้ผู้เขียนจะเป็นเด็กแปดริ้ว บ้านอยู่บ้านโพธิ์ แต่มาโตกรุงเทพฯก็เลยไม่ค่อยชินเส้นทาง ขาไปก็ค่อยๆคลำทางไป จึงใช้เวลาพอสมควร “ไม่หลงแต่เลย เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแยกซ้ายแยกขวา สร้างความสับสน” เราขับรถช้าๆ เพราะต้องคอยดูทาง การเดินทางของเราใช้เส้นทางหมายเลข 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ตั้งต้นจากในตัวเมืองหน้าบิ๊กซี แปดริ้ว ข้ามแม่น้ำ ผ่านตลาดบ้านใหม่ พอถึงแยกห้างคอมเพล็กซ์ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เข้าตัวอำเภอแล้ว จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะขับไปให้สุดถนนแล้วก็เลี้ยวขวา จากนั้นจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายเข้าตลาดน้ำบางคล้าใกล้วัดแจ้ง พอเข้าไปก็จะเจอที่จอดรถได้ทั้งซ้ายทั้งขวา เลือกจอดได้เลยตามความสะดวก
ลักษณะของตลาดน้ำบางคล้าอยู่ริมแม่บางปะกง สร้างเป็นโป๊ะจำนวน 9 โป๊ะ
เรียงกันไป ยื่นลงสู่แม่น้ำบางปะกง ถือว่าเป็นทำเลที่ดีมากๆ เพราะระหว่างเดินช้อปปิ้งหรือนั่งทานอาหาร นักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นและสัมผัสกับบรรยากาศร่มรื่นของแม่น้ำบางประกงไปด้วย ตัวตลาดน้ำบางคล้าจะอยู่บริเวณด้านหน้าของที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจบางคล้า สามารถจอดรถได้บริเวณดังกล่าวที่จอดรถมากมาย เพียงพอต่อความต้องการ
โป๊ะแต่ละโป๊ะ จะจัดร้านค้าคละกันไป สถานที่เดินเลือกซื้อกว้างขวาง เดินสบาย ไม่เบียดเสียด โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งทานอาหาร ตั้งอยู่ตรงกลาง นั่งทานสบาย นักท่องเที่ยวก็เดินเลือกซื้อของกินได้สะดวกสบาย โป๊ะแต่ละโป๊ะ จะมีสินค้าก็ใกล้เคียงกัน ที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของตลาดน้ำบางคล้าคือกุ้งแม่น้ำเผา มีขายเกือบทุกโป๊ะ รสชาติและราคาไม่แตกต่างกัน(300บาท/จานหรือกิโลละ600บาท) แล้วก็ปลาทับทิมเผาเกลือ ปลาหมึกสดเป็นตัวๆ ย่าง ปูม้านึ่ง ผัดไทย ส้มตำ ของทอดต่างๆและ ฯลฯ
ตลาดน้ำบางคล้าถือได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ชอบและคลั่งไคล้ซีฟู้ดเลิฟเวอร์เลยก็ว่าได้ ใครไปแล้วรับรองว่าไม่ผิดหวังเพราะผู้เขียนเห็นนักท่องเที่ยวที่นั่งทานอาหารอยู่ ต้องมีกุ้งแม่น้ำเผาและส้มตำถาด(ก็มี)อยู่ในสำรับแทบทุกโต๊ะ
ตลาดบางคล้าไม่ใช่ตลาดโบราณแบบตลาดร้อยปีคลองสวน หรือตลาดบ้านใหม่ แต่เป็นตลาดที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนและชาวบ้าน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ มีความโดดเด่น เพราะสามารถสร้างเอกลักษณ์ของตนเองได้ จนสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆไปเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก
วันที่เราไปเที่ยวเป็นวันอาทิตย์ แดดไม่ร้อน ฝนไม่ตก ที่จอดรถหาง่าย จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มาก เดินเล่นสบายๆ เราเริ่มเดินสำรวจตั้งแต่โป๊ะที่1 จนถึงโป๊ะที่9 โป๊ะแรก
ทำเป็นสถานที่นวด ไม่มีร้านค้ามากนักโป๊ะที่ 2ทำเป็นท่าเทียบเรือ โป๊ะอื่นๆ มีร้านค้าที่ขายสินค้าและอาหารไม่แตกต่างกัน เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินกลับไปซื้อร้านที่ผ่านมา
*ไฮโลท์!!ที่น่าสนใจ คือ นั่งเรือท่องเที่ยวรอบเกาะลัด พร้อมกับไกด์ส่วนตัว ค่าเรือคนละ 50 บาท สามารถนำอาหารไปทานในเรือได้ โดยเรือจะออกวันละ 2 รอบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รอบเวลา 12.00 น. และ 14.00 น. ยกเว้นว่าช่วงไหนนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ก็จะเพิ่มรอบ และถ้าใครอยากนั่งเรือเที่ยวเฉพาะกลุ่มของตนเอง ตลาดน้ำบางคล้าก็ยังมีบริการเรือขนาดเล็กสำหรับกลุ่มเล็กๆและต้องการความเป็นส่วนตัว ในราคา 300บาท/ลำ จำนวนคน 4-6 คน
ตลาดน้ำบางคล้า นอกจากเป็นสวรรค์คนรักซีฟู้ดแล้ว ยังเป็นสวรรค์ของนักกิน เพราะมีอาหารอื่นๆอีกมากมายให้เลือกกิน เช่น หอยแมลงภู่นึ่ง หอยเชลส์ตัวใหญ่ๆ นึ่ง/อบ ซีฟู้ดทอด ขนมจีนก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา ก๋วยจั๊บผัดไทยอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ไก่ย่างข้าวเหนียว ข้าวแกง ข้าวไขเจียวเครื่องจัดเต็ม มะพร้าวน้ำหอมชื่นใจ กาแฟ ชาโบราณ เครื่องดื่มสมุนไพร ขนมครก ขนมถั่วแปปขนมจากมะพร้าวอ่อน ขนมเปี๊ยะ ไข่เค็มแปดริ้ว(ของฝากจากบางคล้า) ขนมไทยๆอีกมากมาย แจกแจงกันไม่หวาดไม่ไหว น้ำพริกก็มี นำพริกเผา น้ำพริกนรก น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง และ ฯลฯ สินค้าโอทอปต่างๆ ของเล่นโบราณ เครื่องจักรสาน เสื้อผ้าลูกไม้ ผ้าถุง ผ้าลูกไม้ เสื้อคอกระเช้า ราคาก็ไม่แพงด้วย
ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีมะม่วง กล้วย ฝรั่ง ผลไม้จากสวน ผลไม้ดอง และผักแบบไทยๆ เช่น ผักบุ้งไทย กระถิน ชะอม แค ใบบัวบก ตำลึง ฟัก มะนาว มะกรูด ฯลฯ คือเหมือนเดินตลาดผักไทยๆ ซึ่งขายโดยคุณยายคุณตา แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่เป็นของเทศบาลที่จัดสร้างและดูแล พ่อค้าแม่ค้าก็มาจากชาวบ้านชุมชนในละแวกนั้นๆ สินค้าแต่ละอย่างราคาจึงไม่แพงเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
มาถึงตลาดบางคล้าทั้งที เราไม่พลาดกับกุ้งเผาปลาทับทิมเผา พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ส้มตำ ผัดไทย สำรับใหญ่จัดเต็ม แล้วก็ถือไปนั่งกินบนเรือพร้อมเพื่อนๆ ร่วมทางเรือแล่นช้าๆ พาเที่ยวรอบเกาะลัด พร้อมไกด์เล่าเรืองราวของสองฝั่งคลอง ได้ความรู้เพิ่มอีกด้วย บรรยากาศนั่งทานข้าวบนเรือที่แล่นไปตามแม่น้ำบางปะกง ลมเย็นๆ อากาศดีๆ สองฝั่งคลอง สวยงาม ร่มรื่น เป็นบรรยากาศที่หาได้ยากจากตลาดน้ำอื่นๆ ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ตลาดน้ำบางคล้าเป็นตลาดน้ำสร้างใหม่ที่อยู่มายาวนานและได้รับความนิยมจากคนแปดริ้วและนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่หลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวตลาดน้ำแห่งนี้ไม่ขาดสาย
ตลาดน้ำบางคล้า เป็นอีกหนึ่งตลาดน้ำแบบบ้านๆ สำหรับคนที่เลิฟเวอร์และชอบเที่ยวตลาดน้ำแบบนี้ ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง การเดินทางสะดวก ไปง่าย ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และยิ่งถ้าคุณอยากสัมผัสบรรยากาศของแม่น้ำบางประกงในบรรยากาศร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย วิวสองฝั่งคลอง สวยงาม นั่งทานอาหารบนเรือกับเพื่อนๆ ได้อย่างสบายใจยิ่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ของกินของฝาก ก็มีให้เลือกมากมายและหลากหลายในราคาที่ไม่แพง รสชาติอร่อยด้วยและสำหรับผู้เขียน “ครั้งเดียวไม่พอค่ะ” ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ไปเที่ยวกันเถอะ ตลาดต้องชมตามนโนบายรัฐบาล “เที่ยววิถีไทย” ต้องไปให้ได้ เพราะไปแล้วจะติดใจแน่
หมายเหตุ:ตอนขากลับ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เพราะไม่ต้องคลำทาง เลยเหยียบคันเร่งได้เต็มที่ แต่โปรดใช้ความระมัดระวัง เพราะผู้เขียนก็ยังเลี้ยวผิดอีกเช่นเคย ทั้งไปและกลับ ตรงวนเวียนในเมืองแปดริ้ว แต่คิดในแง่ดี ครั้งหน้าจะได้ไม่ผิดอีก ฮา!