Presstv/Independent – กระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถานเผยว่ามีผู้ถูกสังหารอย่างน้อย 80 คนและได้รับบาดเจ็บ 231 คน ในเหตุวางระเบิด 2 ลูกกลางเมืองหลวงกรุงคาบูล
เหตระเบิดเกิดขึ้นในย่านจตุรัสเดะมาซอัง (Deh Mazang Square) ในขณะที่ผู้ประท้วงมุสลิมชีอะห์ชนเผ่าฮาซาร่า (Hazara) ได้รวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อประท้วงต่อต้านโครงการวางสายไฟฟ้าของรัฐบาล
ผู้ก่อการร้ายดาอิช (ไอซิส) ได้อ้างความรับผิดชอบในการวางระเบิดครั้งนี้
รายงานจากตำรวจระบุ ชายหนึ่งประสบความสำเร็จในการโจมตีโดยการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ในขณะที่คนสองระเบิดใส่ตัวเองเท่านั้น ส่วนคนร้ายคนที่สามถูกยิงตายโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยก่อนที่เขาจะกดระเบิดฆ่าตัวตาย
ประธานาธิบดีอัชรัฟ กานี ประณามเหตุระเบิด และกล่าวว่าเขา “เศร้าใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายครั้งนี้
กลุ่มสิทธิมนุษยชนจากองค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวว่า “เป็นการโจมตีที่น่ากลัว … แสดงให้เห็นถึงการไม่นำพาใดๆ ต่อชีวิตมนุษย์ของกลุ่มติดอาวุธ”
โครงการสายไฟฟ้าซึ่งมีกำหนดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2018 โดยจัดวางสายส่งไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์จากเติร์กเมนิสถานไปยังกรุงคาบูล
ในขั้นต้นสายไฟฟ้าจะผ่านจังหวัดบามิยันและวาร์ดาค ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮาซาร่า (Hazara) แต่ต่อมามีการเปลี่ยนเส้นทางในปี 2013 โดยรัฐบาลอ้างว่าเพื่อลดค่าใช้จ่าย อันนำมาสู่ความขัดแย้งกับประชาชนที่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาจากความอคติและเลือกปฏิบัติต่อชุมชนชาวฮาซาร่า
ชาวฮาซาร่ากล่าวว่า พวกเขาต้องการให้สายไฟฟ้าผ่านจังหวัดบามิยันและวาร์ดาคทางตะวันตกของกรุงคาบูลที่พวกเขาจำนวนมากอาศัยอยู่เพื่อจะได้มีพลังงานใช้ด้วย
ชาวฮาซาร่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยากจนที่สุดของอัฟกานิสถาน มีจำนวนประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรอัฟกานิสถาน และใหญ่เป็นอันดับสามของชนกลุ่มน้อยของประเทศ มีประวัติถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด ชาวฮาซาร่าส่วนใหญ่อาสัยอยู่ที่ราบสูงตอนกลาง
ชาวฮาซาร่าส่วนใหญ่เป็นมุสลิมชีอะห์ ถูกกดขี่อย่างหนักในช่วงที่ตอลิบันซึ่งเป็นมุสลิมซุนนีหัวรุนแรงครองอำนาจในช่วงปี ค.ศ. 1996 – 2001