รหัส “ป่ามะเดื่อ”… ยุทธการลับ “ซีไอเอ” ในซีเรีย หนุนกบฏล้ม “อัสซาด”

© AP Photo/

สหรัฐมีส่วนร่วมในสงครามซีเรีย “2 รูปแบบ” หนึ่งคือปฏิบัติการทางทหารอย่างโจ่งแจ้ง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเอาชนะกลุ่มดาอิช (ไอซิส) ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือปฏิบัติการลับของ “ซีไอเอ” ในการสนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรียเพื่อหาทางโค่นล้ม “บาชาร์ อัลอัสซาด”

ความพยายามของสหรัฐในการจัดหาอาวุธให้ฝ่ายกบฏในซีเรีย กลับกลายเป็นว่าอาวุธอเมริกันตกไปอยู่ผิดมือบ่อยครั้ง ปฏิบัติการลับของวอชิงตันในซีเรียประสบกับอุปสรรค นักวิชาการสหรัฐ ออสติน คาร์สัน และไมเคิล พอซ ระบุ

“หลายครั้งที่ความพยายามของอเมริกาในการแอบฝึกและจัดหาอาวุธให้ฝ่ายกบฏสายกลาง (moderate) ในซีเรียไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย… แล้วอะไรคือเหตุผลของนโยบายสหรัฐในซีเรียตอนนี้? ทำไมทำเนียบขาวยังคงดันทุรังให้ความช่วยเหลือเครื่องมือปฏิบัติการลับทางทหารท่ีมีประวัติห่วยแตก?“ ออสติน คาร์สัน แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก และไมเคิล พอซ จากมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์ก ตั้งคำถามในบทความของพวกเขาต่อสงครามที่ล้มเหลว

นักวิชาการอธิบายว่า การมีส่วนร่วมของสหรัฐโดยทีมบริหารของบารัก โอบามา ในสงครามซีเรียมาใน “2 แบบ” หนึ่งคือ ปฏิบัติการลับของ “ซีไอเอ” ในการสนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรียเพื่อหาทางโค่นล้ม “บาชาร์ อัลอัสซาด” ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือ ปฏิบัติการทางทหารอย่างโจ่งแจ้ง ตามจุดมุ่งหมายที่จะเอาชนะกลุ่มดาอิช (ไอซิส)

“กบฏกลุ่มแรกได้รับการฝึก ทุน และอาวุธจากซีไอเอ มีรายงานว่า -นักรบ 50 คน -ได้รับการฝึกในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2013 ไม่กี่เดือนหลังจากที่โอบามาให้ไฟเขียว” นักวิชาการระบุเพิ่มเติมว่า โครงการลับของซีไอเอนี้มีชื่อรหัสว่า ‘ป่ามะเดื่อ’ (Timber Sycamore)

อย่างไรก็ตามบล็อกเกอร์ชาวอเมริกัน “เจเรมี อาร์ แฮมมอนด์” ระบุว่าซีไอเอเริ่มต้นโครงการลับนี้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2012 โดยอ้างวอชิงตันโพสต์ และวอลล์สตรีทเจอร์นัล

“ซีไอเอและกระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มประสานงานกับกองทัพฟรีซีเรีย (Free Syrian Army) ในเดือนมีนาคม ปี 2012 ในการผลักดันเป้าหมายของสหรัฐเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง” แฮมมอนด์เขียน

ขณะเดียวกันในปี 2014 วอชิงตันเพิ่มการสนับสนุนให้แก่กลุ่มที่พวกเขาเรียกว่า “กบฏซีเรียสายกลาง” (moderate Syrian rebels)โดยการมอบจรวดขีปนาวุธต่อต้านรถถัง TOW ให้กับพวกเขา

ยุทธการลับ “ป่ามะเดื่อ” ของซีไอเอประสบความยุ่งเหยิงอย่างรวดเร็วจากความต้องการที่จะทำลายไอซิส กระตุ้นให้รัฐบาลสหรัฐเปิดปฏิบัติการทางอากาศเป็นครั้งแรกในอิรักและตามด้วยในซีเรียเพื่อต่อต้านกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่ง

แม้จะมีการก้าวเข้าสู่ซีเรียอย่างเปิดเผยแล้ว แต่ทีมบริหารของโอบามาก็ยังไม่ได้หยุดโครงการลับของตน  นักวิชาการให้ความเห็น

“ด้วยทั้งนักบินรัสเซียและอเมริกันที่ว่อนท้องฟ้า การทำให้โครงการของอเมริกันในการต่อต้านพันธมิตรของรัสเซียในดามัสกัสอยู่ในรูปแบบโลว์โพรไฟล์ จะทำให้มาตรการป้องกันวิกฤตสหรัฐ-รัสเซียนั้นง่ายขึ้น” พวกเขาระบุ

“ความเสี่ยงที่สอง ผลักให้ฝ่ายบริหารของโอบามาที่ปฏิบัติการลับในซีเรียเปลี่ยนมากังวลเกี่ยวกับการรักษาชื่อเสียงของอเมริกาในฐานะมหาอำนาจที่เคารพและปฏิบัติตามบรรทัดฐานและหลักการระหว่างประเทศ … ซึ่งสิ่งที่สหรัฐอเมริกาพยายามทำให้ประสบความสำเร็จในประเทศซีเรีย – คือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง – อาการความกังวลดังกล่าวชัดเจนอย่างยิ่ง “นักวิชาการเน้นย้ำ

ปมของเรื่องนี้ก็คือ การแทรกแซงเพื่อโค่นล้มอธิปไตยของรัฐบาลประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับ “หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐ” (non-intervention principle) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ

“เช่นเดียวกับทุกอย่างในชีวิต ข้อยกเว้นที่ถูกทำนองคลองธรรมตาม ‘หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐ’ ก็มีอยู่ เช่นการดำเนินการทางทหารกับระบอบการปกครองใดในนามของการป้องกันตัวเอง ก็ถูกถือว่าเป็นไปตามกฎบัตรของสหประชาชาติ นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด หรือการได้รับอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็เป็นอีกหนึ่งแนวทาง  ซึ่งการมีอยู่ของข้อใดข้อหนึ่งหรือมากกว่าของเหตุผลในการปกปิดความอัปยสอดสูเช่นนี้อาจจะทำให้เป็นไปได้สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะปฏิบัติการอย่างเปิดเผยมากขึ้นในการต่อต้านอัสซาด ขณะที่ยังคงรักษาเกียรติภูมิของกฎข้อนี้ต่อไปได้ “พวกเขาอธิบาย

โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงที่ว่า โครงการลับในการฝึกและให้อาวุธแก่กบฏนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เมื่ออาวุธของสหรัฐไปจบลงในตลาดมืด “หลักฐานที่เป็นกิจลักษณะเกี่ยวกับความสำเร็จของซีไอเอในการส่งผลกระทบต่อความคิดของอัสซาด ก็คือการมีอิทธิพลต่อสนามรบและการให้ความสนใจของชาวอเมริกัน” อันแสดงให้เห็นว่าปฏิบัติการนั้นประสบปัญหา นักวิชาการเน้นย้ำ

ปฏิบัติการของซีไอเอไม่ได้สวยสดใสดังหวัง เมื่อมีรายงานในเดือนมีนาคม ปี 2016 ว่ากลุ่มก่อการร้ายในซีเรียที่ได้รับการติดอาวุธจากซีไอเอและเพนตากอนได้เปิดฉากต่อสู้กันเองในเขตอาเลปโป

ลองแองเจลีสไทมส์รายงานว่า กลุ่มกบฏที่ซีไอเอให้การสนับสนุนที่มีชื่อเรียกว่า อัศวินแห่งความชอบธรรม (Knights of Righteousness) ถูกตะเพิดออกจากเมืองมารียา (Marea) โดยกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียที่เพนตากอนให้การหนุนหลัง

แนนซี่ เอ ยูเซฟ จากเดลี่บีสท์ เขียนรายงานในมิถุนายน ปี 2016 ว่า ที่เพนตากอนและซีไอเอขัดแย้งอย่างรุนแรงในซีเรียนั้น เพราะในขณะที่เพนตากอนเน้นไปที่การเอาชนะไอซิส แต่ซีไอเอจะเดินหน้าในความพยายามโค่นล้มบาชาร์ อัลอัสซาด ทั้งสองฝ่ายได้ให้ทุนสนับสนุนแก่กลุ่มนักรบที่ต่างกันซึ่งมักเกิดการปะทะกันเองอยู่บ่อยครั้ง

ผลจากการสู้รบกันเองนี้ ทำให้ 51 นักการทูตกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามในบันทึกติเตียนฝ่ายบริหารของโอบามาที่มุ่งเน้นการเอาชนะไอซิสมากเกินไป และกระตุ้นให้ประธานาธิบดีโอบามาหันมาโจมตีบาชาร์ อัลอัสซาดโดยเร็วที่สุด

ซึ่งนี่นับเป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นกันว่าปฏิบัติการ “ป่ามะเดื่อ” นี้จะออกดอกผลเช่นไร??

แปล/เรียบเรียงจาก http://sputniknews.com/politics/