กรณีทางการของประเทศไทยได้จับกุมตัว แฮกเกอร์ชาวรัสเซีย ซึ่งก่อเหตุเจาะข้อมูลขโมยเงินของชาวสหรัฐและอีกหลายประเทศนับพันล้าน บาท และหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย รมช.ต่างประเทศรัสเซีย ได้เชิญอุปทูตไทย ประจำกรุงมอสโก เข้าพบ โดยขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาส่งตัวแฮกเกอร์กลับมาพิจารณาคดีและรับโทษที่รัสเซีย พร้อมได้กล่าวเสริมด้วยว่า “การส่งตัวไปยังประเทศที่สามคือสหรัฐฯจะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
วันที่ 28 กรกฎาคม แนวหน้าออนไลน์รายงานว่า จากกรณีทางการของประเทศไทยได้จับกุมตัว นายดีมิทรี ยูเคนสกี้ แฮกเกอร์ชาวรัสเซีย ซึ่งก่อเหตุเจาะข้อมูลขโมยเงินของชาวสหรัฐและอีกหลายประเทศนับพันล้านบาท และหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทยนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ได้มีหนังสือรายงานมายังกระทรวงการต่างประเทศว่า หลังเกิดเรื่องดังกล่าว นายอิกอร์ มอร์กุลอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซีย ได้เชิญ นายพจน์ หาญพล อุปทูตไทย ประจำกรุงมอสโก เข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อแจ้งและหารือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาส่งตัว นายดีมิทรี กลับมาพิจารณาคดีและรับโทษที่รัสเซีย พร้อมได้กล่าวเสริมด้วยว่า “การส่งตัวไปยังประเทศที่สามคือสหรัฐฯจะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
นายอิกอร์ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังแจ้งกับอุปทูตไทยว่า การจับกุมตัว นายดีมิทรี อาจเป็นเกมการเมืองระหว่างประเทศ และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซีย และรัสเซียกับสหรัฐฯ หากฝ่ายไทยส่งตัว นายดีมิทรี ไปดำเนินคดีในประเทศที่สามตามที่สหรัฐฯร้องขอ เหมือนกับกรณีของ นายวิคเตอร์ บูท ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากไม่สามารถให้หลักประกันต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวต่างชาติได้ และ เกรงว่าจะกระทบต่อแผนการจัดการฉลองครบรอบ120ปีความสัมพันธ์การทูตไทย กับรัสเซียในปี 2560ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ทางกองบัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (บช.สตม.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว(ผบก.ทท.)ได้ร่วมแถลงการจับกุม 2 แฮกเกอร์ข้ามชาติคือ นายดีมิทรี ยูเคนสกี้ อายุ 44ปี ชาวรัสเซีย และ น.ส.ออก้า โคโมว่า อายุ 25 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ซึ่งแฮกข้อมูลระบบทางการเงินไม่ต่ำกว่า 50 บัญชี มูลค่าความเสียหายกว่านับพันล้านบาท มีผู้เสียหายอยู่ 6 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อังกฤษ อิตาลี และเยอรมนี โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 หนีมาปักหลักในประเทศไทย จนถูกตำรวจของไทยจับกุมดังกล่าว
ส่วนกรณี นายวิคเตอร์ บูท นั้น เป็นอดีตเจ้าหน้าที่เคจีบีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้าอาวุธรายสำคัญของโลก และถูกจับกุมในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2551 โดยศาลไทยตัดสินให้ส่งตัว นายวิคเตอร์ บูท กลับไปรับข้อกล่าวหาค้าอาวุธเพื่อการกบฏตามที่สหรัฐยื่นเรื่องมาในปี 2552 จากกรณีดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลรัสเซียได้แสดงท่าทีไม่พอใจ ผิดหวังต่อท่าทีของทางการไทยด้วย โดยเฉพาะกระทรวงต่างประเทศรัสเซียก็ได้เชิญ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงมอสโก เข้าพบรมช.ต่างประเทศ ของรัสเซียที่กรุงมอสโค เพื่อรับการร้องเรียนจากรัฐบาลรัสเซียด้วย นสพ.แนวหน้าออนไลน์รายงาน