แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องไทย-ลาว ติดตามกรณีอุ้มหาย “ทนายสมชาย-บิลลี่-สมบัด” เนื่องในวันผู้สูญหายสากล

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการไทยและลาว ให้ติดตามกรณีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร รวมทั้งนายพอจะลี (บิลลี่) รักจงเจริญ และนายสมบัด สมพอน นักพัฒนาอาวุโสชาวลาว เนื่องในวันผู้สูญหายสากล (International Day of the Disappeared) ซึ่งตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม ของทุกปี

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า

เนื่องด้วยวันที่ 30 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันผู้สูญหายสากล (International Day of the Disappeared) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่สูญหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ภาวะสงคราม การปราบปรามจากรัฐ หรือการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ในหลายประเทศ และส่งผลให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลพบว่าในหลายประเทศ การบังคับบุคคลให้สูญหายหรือ “อุ้มหาย” ยังคงถูกใช้เพื่อรักษาอำนาจรัฐและปิดปากคนเห็นต่างอย่างต่อเนื่อง

ผู้สนับสนุนแอมเนสตี้มากกว่า 7 ล้านคนร่วมกันรณรงค์เรียกร้องความยุติธรรมและความจริงให้กับผู้ที่ถูกอุ้มหายหลายร้อยคนในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ยังคงติดตามกรณีการหายตัวไปของ “สมบัด สมพอน” นักกิจกรรมชาวลาวที่หายตัวไปตั้งแต่ปลายปี 2555 อย่างต่อเนื่อง โดยแอมเนสตี้เรียกร้องให้รัฐบาลลาวจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสืบหาความ จริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการสืบสวนของตำรวจที่ผ่านมาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอและรัฐบาลเอง ล้มเหลวในการแจ้งความคืบหน้าการสืบสวนต่อครอบครัวของสมบัดด้วย นอกจากนี้ แอมเนสตี้ยังเรียกร้องให้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัก โอบามา พูดถึงประเด็นดังกล่าวในการดินทางเยือนลาวเดือนหน้าด้วย

สำหรับในประเทศไทยเอง แอมเนสตี้ติดตามกรณีการหายตัวไปของ “สมชาย นีละไพจิตร” ทนายความสิทธิมนุษยชนคนสำคัญของประเทศที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2547 และ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ ผู้นำกลุ่มชาวกะเหรี่ยงบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ที่หายตัวไปเมื่อปี 2557 หลังมีปัญหากับเจ้าหน้าที่อุทยาน โดยผู้ต้องสงสัยของทั้งสองคดี ศาลฎีกายกฟ้องทั้งหมด

ซาลิล เช็ตตี้ เลขาธิการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รณรงค์ให้กับผู้ที่ถูกอุ้มหายหลายร้อยกรณีทั่วทุกมุม โลก ในโอกาสวันผู้สูญหายสากลวันนี้ ผู้สนับสนุนหลายล้านคนทั่วโลกของเรายืนยันจะเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ที่เกิดการอุ้มหายยุติการกระทำอันโหดร้ายนี้ตลอดไป”

การอุ้มหายขัดต่อสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายระหว่างประเทศขั้น ร้ายแรง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศทั่วโลกสืบหาความจริงอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการอุ้มหายให้เป็นไปตามาตรฐานสากล ตลอดจนชดเชยครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมด้วย  แถลงการณ์ระบุ