การเที่ยวแบบ slow life คืออะไร? เขาบอกว่า Slow life คือ การใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีสาระ ชะลอตัวเองให้ไม่ไหลอย่างไร้ทิศทางไปตามกระแสสังคม ทำทุกอย่างด้วยสปีดที่ช้าลง เพื่อให้มีสติและซึมซาบความหมายของชีวิตได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้มี Carl Honoré บุคคลที่สื่ออังกฤษ ฮัฟฟิงตันโพสต์ (Huffington Post) ขนานนามว่าเป็นตัวพ่อแห่งการใช้ชีวิตแบบช้าๆ ได้ให้นิยามของชีวิต Slow life เอาไว้
ชวนเที่ยวแบบ slow lfie แต่เกริ่นนำสาระมาก่อน ก็เพื่อให้ดูน่าสนใจขึ้น (ฮา) เพราะทริปนี้ กองบรรณาธิการนิตยสารพับลิกโพสต์พามาเที่ยวไกล ชวนมาเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวตลาดน้ำในเมืองกรุง มาสัมผัสกับธรรมชาติและอากาศเย็นสบายทางเหนือกันบ้าง
ที่นี่ไม่มี wifi ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากธรรมชาติแท้ๆ มีน้ำตก มีต้นไม้เขียวครึ้ม มีภูเขาที่ต้นไม้ปกคลุม มีลำธารที่ได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ เอื่อยๆ และบรรยากาศของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติ
“หมู่บ้านแม่กำปอง” อยู่ในตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ “ที่เขา (เขาคือใครก็ไม่รู้) ว่ากันว่า ถ้าอยากรู้จักการเที่ยวแบบวิถี slow life” ให้มาเที่ยว หมู่บ้านแม่กำปอง
ท้ากันแบบนี้ เราจะพลาดได้อย่างไร พวกเรา 5 คน เหิรฟ้าจากกรุงเทพฯ ด้วยนกแอร์ที่ใช้เวลาเดินทาง ทั้งเลื่อน ทั้งเลท เกือบ 5 ชั่วโมง เริ่มต้นก็ slow life แล้ว ฮ่า (จนคนมารอรับคิดว่าพวกเรามาด้วยรถทัวร์?) จากนั้นก็เดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยรถกะบะ ของพี่สุทัศน์ อดีต ผจก. บริษัท TOT สาขาเชียงใหม่ คนท้องถิ่นพาไปเองแบบนี้ คงไม่หลงแน่ๆ แต่มีเลยแทน (ฮ่าๆ)
การเที่ยวแบบ slow life จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการนั่งเบียดในรถกะบะแบบมีแคป ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ที่เราอัดกันไปในรถกะบะ กับถนนที่ขรุขระ (เป็นบางช่วง) การขับขึ้นเขาที่ชวนตื่นเต้นบ้าง ลงจากรถมา ใครที่แข็งแกร่งก็รอดตัวไป ใครที่อ่อนแอก็ควักยาดมมาสูดดมแก้วิงเวียน แต่บรรยากาศที่เย็นสบาย บวกความสวยงามของสถานที่ เพราะแม่กำปองอยู่บนภูเขาสูงท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขา น้ำตก แสนเงียบสงบ แม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน ก็ยังได้ยินเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง อากาศก็ดี และยังได้กลิ่นหอมของธรรมชาติ เลยช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้อย่างเร็ว
แม่กำปอง ไม่มีสถานที่เที่ยวแบบในเมืองเชียงใหม่ ที่นี่มีแต่ธรรมชาติ ธรรมชาติ ธรรมชาติเพียงเท่านั้น
เรานั่งนับกัน ว่าหมู่บ้านแม่กำปอง มีร้านอะไรบ้าง ร้านกาแฟ มี 2 ร้าน ร้านส้มตำ 1 ร้าน ร้านก๋วยเตี๋ยว 2 ร้าน ร้านสเต็ก 1 ร้าน ร้านของที่ระลึก 1 ร้าน (เราไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ร้านเหล่านี้อาจจะมีเพิ่มอีกก็ได้) ในส่วนของร้านอาหาร พอ 5 โมงเย็นก็ปิดแล้ว นักท่องเที่ยวที่มา slow life แบบค้างคืน (เพราะมีนักท่องเที่ยวมาแบบไม่ค้างคืนด้วยเช่นกัน) มื้อเย็นกับมื้อเช้า จึงต้องฝากท้องกับโฮมสเตย์ที่พัก (ค่าที่พักรวมอาหาร 2 มื้อ พร้องของว่างมีให้ทานตลอด เช่น ผลไม้ กาแฟ ในราคา 800 บาท/คน แต่มีกระปุกวางไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ใจดีหยอดทิป)
ร้านกาแฟยอดนิยมและเป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุด
“ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง” เป็นร้านกาแฟร้านแรกๆ ของแม่กำปอง เป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูป เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของหมู่บ้านแม่กำปอง เพราะนักท่องเที่ยวรอเข้าแถวถ่ายรูปกับป้ายชื่อร้านเป็นระยะๆ
จุดเด่นร้านนี้ นอกจากเป็นซิกเนเจอร์แล้ว ยังเป็นร้านที่อยู่กลางหมู่บ้าน สะดวกต่อการเดินทาง ร้านอยู่ติดริมลำธาร บรรยากาศดีมากๆ จิบกาแฟร้อนๆ นั่งฟังเสียงน้ำไหลเบาๆ นั่งมองน้ำในลำธารไหลเอื่อยๆ นี่คือที่สุดแห่งความไม่เร่งรีบ (เป็นวิถี slow life แน่ๆ) ร้านกาแฟลุงปุ๊ด ป้าเป็ง นอกจากเป็นร้านกาแฟแล้ว ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้บริการ ซึ่งเต็มตลอดปี ร้านกาแฟก็แย่งเก้าอี้เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีกันทีเดียว
อีกร้านที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กันคือ “ชมนกชมไม้” เป็นร้านกาแฟอยู่บนดอยสูงก่อนถึงน้ำตกแม่กำปอง ชมนกชมไม้สมชื่อ เพราะเราต้องเดินขึ้นเขาไปชมนกชมไม้ ตอนเดินขึ้น ถ้าใครเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยแข็งแรง เพราะเดินขึ้นเขา อากาศจะเบาบาง กว่าจะไปถึงร้านก็แทบจะหมดแรง (ตอนเดินลงเขากลับ ก็วิบากไม่แพ้กัน) แต่เมื่อได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ก็แทบจะหายเหนื่อยทันที มองไปไกล สุดสายตา เห็นแต่ความเขียวขจี ร่มรื่น ยิ่งช่วงเย็นๆ ใกล้ๆค่ำ หรือหลังฝนตกใหม่ๆ บรรยากาศดูจะคล้ายๆ ถูกปกคลุมอยู่ด้วยม่านหมอกแห่งความฝัน เรียกว่า บรรยากาศร้านกาแฟชมนกชมไม้ชวนสบายจริงๆ แอบมองกิจกรรมนักท่องเที่ยว บางคนนั่งอ่านหนังสือ นั่งมองวิวทิวทัศน์บ้าง ถ้ามาเป็นกลุ่มก็นั่งคุยกันเบาๆ บางคนก็นั่งจิบกาแฟเหม่อๆ มีนักท่องเทียวนำโดรนมาเล่นด้วย “วิถี slow life ที่แม่กำปอง” มีครบ รวมทั้งที่เที่ยวอื่นๆด้วย
วัดกันธาพฤกษาหรือวัดแม่กำปอง สร้างพร้อมกับการก่อตั้งหมู่บ้าน สถาปัตยกรรมจะเป็นไสตล์เหนือ หรือเรียกว่าล้านนา วิหารสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แกะสลักหน้าจั่วด้วยไม้สัก วัดทางภาคเหนือจะมีลักษณะสวยงาม ส่วนน้ำตกแม่กำปอง อยู่ขึ้นไปเกือบจุดสูงสุด ด้วยความโชคดีที่เราไม่ต้องเดิน (เพราะคงไม่มีใครยอมเดิน ฮ่า) พี่สุทัศน์ โชเฟอร์กิติมศักดิ์ ขับเลยที่พักขึ้นไปถึงน้ำตก เป็นน้ำตกเล็กๆ น้ำตกสายนี้เป็นน้ำตกที่ไหลกระจายลงมาในบริเวณหมู่บ้าน
ที่พักของเราก็มีน้ำตกอยู่ข้างๆ ยามค่ำคืน ได้นอนฟังเสียงน้ำไหลเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืน อากาศเย็น ยิ่งชวนให้หลับสบาย ที่พักเราอยู่ริมภูเขา ติดถนนในหมู่บ้าน แต่เงียบสงบมาก เพราะพอสัก 1 ทุ่ม ที่แม่กำปองก็เงียบสงัด ไฟฟ้าแทบไม่เปิด น้ำก๊อกก็ไหลเอื่อยๆ (อยู่บนภู) น้ำไฟอาจจะใช้ได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ถือว่าสะดวกสบายมากแล้ว ส่วน wifi ที่พักไม่มี ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็นด้วย มีแต่กาน้ำร้อน น้ำดื่ม กาแฟ หนังสือ ต้นไม้ ลำธาร และเพื่อนๆ
ใช้ชีวิตแบบ slow life อย่างไร เมื่อมาเที่ยวแม่กำปอง
ช่วงระหว่างวัน เราจะเดินเล่น เดินชมบรรยากาศของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ พร้อมทั้งถือโอกาสสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ไปด้วย หรือไม่ก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย นอนฟังเสียงน้ำตกไหลเบาๆ นั่งอ่านหนังสือ นั่งร้านกาแฟ (ที่นี่มีโรงคั่วกาแฟ หอมกรุ่น รสชาติอร่อยไม่แพ้กาแฟแพงๆ) ชวนกันไปกินก๋วยเตี๋ยว กินส้มตำ ถ้าเมื่อยก็ไปนอนให้นวดแผนไทย บ้างก็เดินหามุมถ่ายภาพสวยๆ หรือจะนั่งเฉยๆ ก็ได้ เป็นวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ เพราะอยู่กับธรรมชาติจริงๆ
ส่งท้าย กับ 1 คืน 1 วันที่แม่กำปอง
ความประทับใจที่มีให้แม่กำปอง พวกเราให้เต็มร้อย เพราะธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ หรือที่เรียกว่าวิถี slow life ที่แม่กำปองมีครบ และอาจจะหาได้ยากจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ธรรมชาติที่เต็มอิ่ม การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ใช้ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ ทำอาหารกินเอง สุขภาพก็แข็งแรง เพราะชาวบ้านเดินขึ้นเขาลงเขาอย่างสบายๆ
อำเภอแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติ อยู่ในภูเขาที่แสนสงบแห่งนี้ กับการเดินทางมาพักผ่อนที่ไม่ลำบาก ไม่อันตราย ค่าใช้จ่ายไม่สูง แม่กำปองจึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบง่ายๆ ไม่เร่งรีบ ชอบอยู่กับธรรมชาติ ไม่ชอบแสงสีเสียง อยากหลีกหนีกับความวุ่นวายในเมืองใหญ่ และอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศช้าๆ เพื่อให้ได้มีช่วงเวลาครุ่นคิดหรืออยากหลุดพ้นจากเทคโนโลยี (บ้าง) และอยากมาเติมไฟให้ชีวิต สิ่งเหล่านี้ก็คือวิถีที่ชาวslow lifeต้องการ
…แม้พวกเราจะไม่ใช่ชาว slow lifeเต็มรูปแบบ เพราะเราก็เที่ยวได้ทุกแบบ แต่สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาสัมผัสกับการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ เราจึงรู้สึก “เต็มอิ่ม” กับสิ่งที่ได้สัมผัส และสำหรับพวกเราแล้ว “เที่ยวแม่กำปอง” ครั้งเดียวคงไม่พอแน่
“วิถี slow life วิถีแห่งความไม่เร่งรีบ ต้องที่หมู่บ้านแม่กำปอง และต้องลองไปเที่ยวให้ได้” โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นปลายปี บรรยากาศเชิญชวนให้ไปสัมผัสมาก!!