เศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำ “ส่งออก”ติดลบ

หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและภาคเอกชนตั้งความหวังว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะ ฟื้นกลับมาขยายตัวได้ตามปกติ หลังจากปีนี้ขยายตัวได้ต่ำกว่าประมาณการจากปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจโลก แต่นายธนาคารและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่าในปีหน้าอาจไม่สดใส เพราะมีหลายปัจจัยฉุดการขยายตัวเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)คาดการณ์ ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้แค่1%เท่านั้น

มองกันจากภาค ธนาคาร พาณิชย์  นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปีหน้าไทยโต 3-4% เนื่องจากเทียบกับฐานปีนี้ที่ขยายตัวได้ค่อนข้างต่ำ เพราะยังมีแรงกดดันจากผลพวงของนโยบายประชานิยมที่ทำให้ระดับหนี้ครัวเรือน ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นตัวฉุดกำลังซื้อในประเทศ จนเศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็น

“ฤทธิ์ของประชานิยมยังมีแรงกดดันสูงมาก จึงมองว่าปี2558 ทั้งปีเศรษฐกิจไทยน่าจะไม่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่หวังว่าปี 2559 แรงกดดันจากประชานิยมจะอ่อนกำลังลง เพียงแต่เวลานี้ขออย่าให้มีการเติมประชานิยมที่ซ้ำเติมให้หนี้ครัวเรือนสูง เข้าไปอีก”

ประเด็นสำคัญในเวลานี้ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คงไม่เกิดประโยชน์ หากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงกับตลาดโลก หลังจากการส่งออกไทยติดลบสวนทางกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ไทยถดถอยจากประเทศที่เป็นฐานการผลิตเหลือเพียงประเทศหนึ่งในทางเลือก ของนักลงทุนเป็นสัญญาณร้ายในอนาคต

“ภาคเอกชนต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า พัฒนาตลาดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”

สอดรับกับที่แบงก์ชาติ โดยนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยอบรับว่าการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าคงไม่สามารถกลับมาเติบโตในเลข 2 หลักได้อีกแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงสร้างการผลิตของไทยที่ไม่ตรงกับความต้องการของโลก

“แบงก์ชาติมองว่าภาคการส่งออกไทยในระยะต่อไป การเติบโตคงทำได้เต็มที่เพียง 4-5% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ (New Normal) ของการส่งออกไทย”

ดังนั้นการจะผลักดันให้การส่งออกของไทยกลับมาเติบโตได้ในระดับเลข 2 หลักเหมือนอดีตนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตใหม่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของโลก และในเวลาเดียวกัน ถ้าราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกกลับมาดีขึ้น ก็อาจทำให้การส่งออกไทยพลิกกลับมาได้เช่นกัน

สำหรับแนวโน้มการเติบโต ของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ธปท.ยังเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับศักยภาพที่ 4-5% หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเติบโตถือว่าต่ำกว่าระดับศักยภาพไทย

“มองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น อาจจะเริ่มเห็นการกระชากขึ้นมาภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ถ้าการเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐสามารถเร่งกลับขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเบิกจ่ายค่อนข้างต่ำกว่าที่คาดเอาไว้”

ช่วงที่ผ่านมาธปท. คาดหวังว่าภาครัฐจะสามารถเบิกจ่ายได้ประมาณ 91.4% ของวงเงินงบประมาณ แต่ปรากฏว่าทำได้จริงเพียง 89% เท่านั้น เพียงแต่เงินส่วนนี้ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในงบเบิกจ่าย ขอแค่มีการเร่งนำมาใช้ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นได้

สำหรับความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพการเงินในปีหน้านั้น ทางธปท.ยอมรับว่ายังมีความเป็นห่วงและติดตามดูในเรื่องนี้อยู่ แต่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ผ่านมา ได้ให้น้ำหนักกับความเสี่ยงในเรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มากกว่าความ เสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีความหวังที่เศรษฐกิจจะเติบโตได้มากกว่า 1% ถ้าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับดังกล่าว การเติบโตของเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 4 ของปีจะต้องขยายตัวไม่น้อยกว่า 3.3-3.5% ถือว่ายังมีโอกาสถ้าภาครัฐสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้

ส่วนการบริหารงบประมาณรายจ่าย นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ย้ำว่า ต้องทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ เพราะในงบประมาณปี 2559 คงจะมีรายได้จากภาษีเพิ่มมากพอควร และถ้าตั้งใจทำ จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้อีกในปี 2560 ฉะนั้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลก็จะสามารถเพิ่มวงเงินงบประมาณได้มากพอควร และอย่าตกใจถ้างบประมาณรายจ่ายจะสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง18%

สำหรับการลงทุนภาครัฐ รัฐบาลจะพยายามเพิ่มวงเงินลงทุนในงบประมาณให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำที่ 5.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ

จะอย่างไรก็ตามการที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ลงแรงมาจากในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา วิกฤติทางการเมืองเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี2556 และปัจจัยที่ส่งผลกระทบหนักคือการที่เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น ไม่ว่าสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ชะลอตัวลงแรง

จึงทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวในอัตราต่ำ และอาจจะไม่ฟื้นได้จริงในปีหน้า!!!

โดยวันเพ็ญ นภาผ่อง