อาหรับนิวส์ รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (23 ต.ค.) กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีทางอากาศต่อมัสยิดมุสลิมชีอะห์แห่งหนึ่งในภาคเหนือของอิรักที่สังหารสตรีไปถึง 15 คน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันศุกร์ (21 ต.ค) โดยหนึ่งวันหลังจากนั้นรัสเซียก็ออกมากล่าวหาว่าเป็นฝีมือของพันธมิตรฯ ทันที ซึ่งเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่า ผู้หญิงถูกสังหารเสียชีวิตในศาสนสถานในเมืองดาคุก (Daquq) อันเนื่องจากการโจมตีทางอากาศ
พันธมิตร “ยืนยันว่าเราไม่ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ ตามที่มีรายงานว่าทำให้มีการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนในดาคุก” พ.อ. จอห์น ดอร์เรียน โฆษกพันธมิตรฯ แถลงผ่านสื่อสังคม
หัวหน้าสภาท้องถิ่นและหน่วยงานทางการแพทย์ในเมืองดาคุก ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคอร์คุก และอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตรทางตอนเหนือของกรุงแบกแดดกล่าวว่า เหตุเสียชีวิตที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากการโจมตีทางอากาศ
หากกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ไม่ได้ปฎิบัติการ เครื่องบินอื่นที่มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวก็น่าจะเป็นของกองทัพอากาศอิรักหรือของกองทัพบก อาหรับนิวส์ตั้งข้อสังเกต
สำนักงานของนายกรัฐมนตรีอิรัก ไฮเดอร์ อัลอาบาดี แถลงว่า ได้มีคำสั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
“ผลจะประกาศโดยเร็วที่สุดหลังจากที่สอบสวนเสร็จสมบูรณ์” แถลงการณ์ระบุ
เครื่องบินของตุรกีก็มักปฏิบัติการโจมตีในอิรักเป็นประจำ แต่พวกเขามักกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มชาวเคิร์ดในพื้นที่ซึ่งห่างไกลจากดาคุก อาหรับนิวส์ระบุ
