อินดิเพนเดนท์ – รายงานประจำปีฉบับล่าสุดขององค์กรสื่อสหรัฐฯ “ยูเอสนิวส์แอนด์เวิร์ลรีพอร์ต” (US News and World Report) เรื่อง “ประเทศที่ดีที่สุด” (Best Countries) ได้ศึกษาและประเมิน 80 ประเทศ โดยมีเกณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม พลเมือง และคุณภาพชีวิต
และมาตรวัดที่สำคัญอีกประการคือเรื่อง “อำนาจ” ทางเศรษฐกิจและทางการเมืองที่ประเทศนั้นมีอิทธิพล โดยพิจารณาจากความเข้มแข็งของพันธมิตรระหว่างประเทศและการทหาร
สหรัฐฯ ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุด ตามมาโดยรัสเซีย อังกฤษอันดับสี่ นอกจากนั้นยังมีประเทศอื่นๆ เช่น ตุรกี ปากีสถาน ซาอุฯ อิหร่าน และอิสราเอล
ต่อไปนี้เป็นรายชื่อ 23 ประเทศที่ทรงอำนาจโดยไล่เรียงจากต่ำไปหาสูง
23. กาตาร์ – หนึ่งในประเทศในตะวันออกกลาง กาตาร์เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในแง่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวโดยอาศัยสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยน้ำมัน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รายได้ของประเทศชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา
22. สเปน – “การเข้าสู่สหภาพยุโรปเมื่อปี 1986 เป็นการเริ่มต้นใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและนโยบายทางเศรษฐกิจของสเปน” ตามรายงานของยูเอสนิวส์ฯ
21. เนเธอร์แลนด์ – กรุงเฮกเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและศาลอาญาระหว่างประเทศ เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก
20. ปากีสถาน – ความไม่มั่นคงทางการเมือง การทุจริต และการต้องต่อสู้กับความสุดโต่ง ได้ขัดขวางการยืนในแถวหน้าของปากีสถานในการจัดลำดับอำนาจ ในทางกลับกันการเติบโตของประเทศลดน้อยลงเนื่องจากเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก “แรงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศลดลง” ตามรายงานของยูเอสนิวส์ฯ
19. สวีเดน – แม้จะมีรากฐานทางการทหาร แต่สวีเดนก็ตัดสินใจที่จะลงทุนในกองทัพของตนอย่างมากเพื่อสนับสนุนพันธะสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางเพื่อการเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนได้สร้างความเคารพในเวทีโลก แต่อาจส่งผลให้อำนาจลดลง
18. อิตาลี – แม้ว่าอิตาลีต้องเผชิญกับปีแห่งความวุ่นวายทางการเมืองที่มีการลาออกของนายกรัฐมนตรีอย่ากระทันหัน และอยู่ในห้วงการฟอร์มรัฐบาลใหม่ แต่ประเทศนี้ก็ยังคงอยู่ในรายชื่อลำดับ 3 ของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซน
17. ออสเตรเลีย – แม้ว่าประเทศจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำสำหรับเรื่องอำนาจและอิทธิพลทั่วโลกของตน แต่ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 4 ในประเภทคุณภาพชีวิต
16. อินเดีย – ประเทศในระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุด อินเดียยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2016 แต่วิกฤตการณ์ทางการเงินล่าสุดได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
15. สวิตเซอร์แลนด์ – ประเทศขนาดเล็กในทวีปยุโรป ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดลำดับที่ 11 ในแง่ของ GDP ต่อหัว และเป็นประเทศที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนธุรกิจเพราะอัตราภาษีนิติบุคคลที่ต่ำ สหประชาชาติยังมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเจนีวา
14. อิหร่าน – อิหร่านเกี่ยวข้องกับการเป็นมหาอำนาจโลกมาอย่างยาวนาน เพราะที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง มีแหล่งน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์” ตามรายงานของยูเอสนิวส์ฯ ระบุ ประเทศนี้ถือครอง 9% ของปริมาณสำรองน้ำมันของโลก
13. ตุรกี – ตุรกีเป็นประตูระหว่างตะวันออกกลางและสหภาพยุโรป และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งในประเทศใกล้เคียง ในเดือนกันยายนอังกฤษเคยกล่าวว่าจะสนับสนุนตุรกีให้ได้เข้าร่วมสหภาพยุโรปหลังความพยายามของตุรกีที่ยาวนาน แต่ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างตุรกีกับประเทศในสหภาพยุโรปหลายประเทศอาจเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้า
12. แคนาดา – แคนาดาเป็นประเทศที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ตามรายงานของยูเอสนิวส์ฯ แต่ลำดับในด้านอำนาจอาจจะแตกต่างแม้ว่าจะเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ก็ตาม
11. เกาหลีใต้ – ความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงกับเกาหลีเหนือ หมายถึงเกาหลีใต้มักได้รับการสนับสนุนทางทหารและการเมืองจากมหาอำนาจของโลก เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีเงินลงทุนจากต่างประเทศและยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับที่ 6 ของโลก
10. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – เป็นหนึ่งในผู้นำเข้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก และรองจากจากซาอุดีอาระเบียแล้วประเทศนี้มีงบประมาณด้านการป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของรัฐอาหรับ
9. ซาอุดิอาระเบีย – ปริมาณสำรองน้ำมันของซาอุดิอาระเบียทำให้ประเทศนี้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง ราชอาณาจักรแห่งนี้ถูกมองว่าเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ อังกฤษ และประเทศตะวันตกอื่นๆ
8. อิสราเอล – สำหรับประเทศที่มีประชากรกว่า 8 ล้านคนแต่อิสราเอลกลับมีอิทธิพลเหนือเวทีโลก แม้จะมีความขัดแย้งกับชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง แต่รัฐยิวก็มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พลเมืองมีการศึกษาและรายได้ต่อหัวสูง
7. ญี่ปุ่น – ประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่สุดแห่งหนึ่ง ญี่ปุ่นมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยฟื้นตัวจากสึนามิในปี 2011 ที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานและการผลิตของญี่ปุ่นแตกเป็นเสี่ยงๆ
6. ฝรั่งเศส – ประเทศมี GDP ต่อหัว 42,384 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ฝรั่งเศสนับเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปและเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาวุธชั้นนำของโลก อิทธิพลของประเทศแผ่ขยายไปทั่วโลก “ผ่านทางด้านวิทยาศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ และอาจเหนือสิ่งอื่นใดก็คิอวัฒนธรรม” ยูเอสนิวส์ฯ ระบุ
5. เยอรมนี – มักจะถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของยุโรป ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของทวีป มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลกมากขึ้นนับตั้งแต่การรวมประเทศในปี 1990
4. สหราชอาณาจักร – ประเทศที่มีการพัฒนาสูง มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศอย่างมาก ในขณะที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าการออกจากสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบต่อสถานะของประเทศอย่างไรบ้าง
3. จีน – การเติบโตของจีนค่อนข้างโดดเด่น ประเทศที่มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคน ประเทศนี้มีทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2050
2. รัสเซีย – รัสเซียใช้ทุนจากทรัพยากรธรรมชาติเพื่อก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก การใช้จ่ายด้านการทหารเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP นั้นยังคงอยู่ในระดับที่ไปไกลกว่าประเทศอื่นๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศสมาชิกขององค์การนาโต (NATO) ขณะนี้รัสเซียใช้จ่ายร้อยละ 5.4 ของ GDP เป็นงบในการป้องกันประเทศ ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศในสมาชิกนาโต ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือสหรัฐซึ่งใช้ร้อยละ 3.3
1. สหรัฐอเมริกา – เกือบ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาสูญเสียความเคารพต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 แต่ประเทศนี้ก็ยังคงเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุด ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และอิทธิพลทางศิลปะที่ชี้นำโลก สหรัฐฯ ใช้งบประมาณด้านการป้องกันมหึมาประมาณ 6 แสนล้านเหรียญ (ประมาณ 21 ล้านล้านบาท) และเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศได้ทำให้สหรัฐฯ ถูกวางไว้ที่ลำดับบนสุด