อินดิเพนเดนท์ – รัสเซียขู่ว่า เครื่องบินรบสหรัฐฯ ในซีเรียทุกลำจะถูกล็อกเป้า หลังสหรัฐฯ ยิงเครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลซีเรียตก
รัสเซียกล่าวว่าจะปฏิบัติต่อเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการในซีเรียเสมือนเป็น “เป้าหมาย” ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดหลังเครื่องบินรัฐบาลซีเรียถูกสหรัฐฯ ยิงตก
กระทรวงกลาโหมซีเรียระบุว่าจะใช้ระบบขีปนาวุธและอากาศยานติดตามเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ แต่ก็หยุดที่จะพูดว่า พวกเขาจะยิงมันหรือไม่
“สายตรง” ที่จัดให้มีขึ้นมาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการปะทะกันทางอากาศจะถูกระงับ
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียแถลงว่า “อากาศยานทุกชนิด รวมทั้งเครื่องบินและโดรน (UAV) ของพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ที่ตรวจพบทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสจะถูกติดตามโดยระบบแซม (SAM) รัสเซียว่าเป็นเป้าหมายทางอากาศ”
คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินเอฟ 18 (US F-18 Super Hornet) ของสหรัฐฯ ยิงเครื่องบิน SU-22 ของกองทัพซีเรียตกเมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองรักกา ซึ่งนับเป็นเครื่องบินรบลำแรกของซีเรียที่ถูกสหรัฐฯ ยิงตกนับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามกลางเมืองในปี 2011
วองชิงตันอ้างว่า เครื่องบินได้ทิ้งระเบิดโจมตีใกล้กับกองกำลังที่สหรัฐให้การสนับสนุน แต่ดามัสกัสกล่าวว่าเครื่องบินถูกยิงตกขณะปฏิบัติภารกิจต่อต้านไอซิส
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า การระงับการสื่อสารกับชาวอเมริกันจะเริ่มขึ้นทันที
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้ “สายด่วน” ติต่อกับรัสเซียก่อนที่จะมีการยิงเครื่องบินรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวหาว่า สหรัฐฯ เจตนาที่จะไม่ทำตามข้อผูกพัน ภายใต้สนธิสัญญาป้องกันการปะทะกันทางอากาศในซีเรีย
“การยิงเครื่องบินรบของซีเรียในน่านฟ้าของประเทศซีเรียเป็นการละเมิดเหยียดหยามอธิปไตยของซีเรีย” กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว