ศุกร์วิปโยค! ปาเลสไตน์ตาย 3 บาดเจ็บ 400 ปะทะตำรวจยิว ประท้วงปิดกั้นมัสยิดอักซอ

กองกำลังอิสราเอลปะทะกับชาวปาเลสไตน์ กรุงเยรูซาเลม วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 (AFP)

MEE – ชาวปาเลสไตน์ 3 คนถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีก 4 คน ในเหตุการณ์ที่ชาวปาเลสไตน์ปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยอิสราเอลใน “วันแห่งความโกรธ” อันเนื่องจากอิสราเอลเข้าควบคุม “มัสยิดอัลอักซอ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของสถานที่สำคัญในอิสลาม กองทัพของอิสราเอลกล่าวว่า สมาชิกครอบครัวชาวอิสราเอลผู้ตั้งถิ่นฐาน 3 คนถูกแทงตายและอีกคนได้รับบาดเจ็บในนิคมเขตเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง เหตุการณ์เกิดขึ้นวันศุกร์ ที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา

“มูฮัมหมัด ชาราฟ” วัย 17 ปี ถูกยิงโดยชาวอิสราเอลผู้ตั้งถิ่นฐานในเขต ราส อะลามูด กรุงเยรูเซาเล็มตะวันออก ขณะที่ “มูฮัมหมัด ฮัสซัน อาบูกันนาม” วัย 19 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลในโรงพยาบาลอัลมากัสเซด (al-Makassed) หลังถูกยิงโดยชาวอิสราเอลผู้ตั้งถิ่นฐานในเยรูเซาเล็มตะวันออก วิดีโอที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลเผยให้เห็นว่าร่างของเขาถูกนำตัวไปที่ประตูโรงพยาบาลโดยเจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์

ส่วนผู้ถูกสังหารอีกคนชื่อ “อาบู ดิส” เอเอฟพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งกล่าวว่า “ชายปาเลสไตน์ผู้นี้ถูกยิงเข้าหัวใจโดยกระสุนจริง”

ส่วนครอบครัวชาวอิสราเอลที่ถูกแทงรายงานระบุว่ากำลังรับประทานอาหารเย็นในวันวันสะปาโต (Shabbat) โดยชาวปาเลสไตน์อายุ 20 ปี ได้บุกเข้าไปในบ้านฆ่าบุคคลในครอบครัวนี้ 3 คน และอีกคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งสามคนที่ถูกสังหารประกอบด้วย ผู้เป็นพ่ออายุ 60 ปี ลูกชายและลูกสาวที่อายุระหว่าง 40 ปี ตามรายงานของฮาร์เร็ทซ์  (Haaretz) สื่ออิสราเอล โดยที่ผู้เป็นแม่ได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเยรูซาเล็ม

รายงานระบุว่าชาวปาเลสไตน์ที่ไปทำร้ายชื่อ “โอมาร์ อัลอาเบด” จากหมู่บ้านใกล้มืองรามัลเลาะห์ในเขตเวสต์แบงก์ อาเบดได้รับบาดเจ็บบางอย่างและถูกนำตัวส่งไปยังศูนย์การแพทย์เพื่อทำการรักษา ฮาร์เร็ทซ์รายงาน

กองทัพอิสราเอลกล่าวในแถลงการณ์ว่า เหยื่อทั้ง 4 เป็นพลเรือนอิสราเอล และผู้ร้ายถูกยิง ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

การเสียชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อชาวปาเลสไตน์หลายพันคนปะทะกับตำรวจหลังจากเสร็จสิ้นละหมาดวันศุกร์ในเมืองเก่าแห่งนี้ หลายคนปฏิเสธที่จะเข้าไปในเขตสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมัสยิดอัลอักซอเพื่อประท้วงมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ของอิสราเอลในการตั้งจุดตรวจที่ทางเข้าหลักสองแห่ง

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ถูกเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยรวมถึงมีการติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะซึ่งชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเห็นว่าเป็นความพยายามที่จะควบคุมพื้นที่ดังกล่าว

ผู้มาละหมาดอย่างสงบนอกมัสยิดอัลอักซอในเขตเมืองเก่าแห่งนี้แตกกระจัดกระจายไม่นานนักหลังละหมาดวันศุกร์เมื่อตำรวจอิสราเอลยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าไปในฝูงชนในถนนซาลาอัดดิน (Salah al-Din Street) โดยมีชาวปาเลสไตน์สี่คนได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้

อิสราเอลจับกุมชาวปาเลสไตน์ 29 คนในฝั่งเวสต์แบก์และเยรูซาเล็มตะวันออก และมีคนบาดเจ็บกว่า 390 รายในวันศุกร์วานนี้ ตามรายงานจากฮาร์เร็ทซ์ ด้านองค์กรกาชาดเสี้ยววงเดือนแดงกล่าวว่า ส่วนใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บมาจากการสูดแก๊สน้ำตา ขณะที่ 38 คนโดนกระสุนปืนจริงและกระสุนยาง

อาห์หมัด อับดุลซาลาม ผู้มาละหมาดอยู่ด้านนอกเขตสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “การวางเครื่องตรวจจับโลหะเหล่านี้ไว้ที่ทางเข้าสถานที่ละหมาดของเรา ก็เหมือนกับการวางมันไว้ที่ทางเข้าบ้านเรา คุณจะต้องให้ผมผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ ขณะที่ผมเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างนั้นหรือ? ”

ตำรวจอิสราเอลบุกโรงพยาบาล

ตำรวจอิสราเอลได้บุกเข้าไปในโรงพยาบาลอัลมากัสเซด ในกรุงเยรูซาเล็ม และขอให้เจ้าหน้าที่ออกไป พยานกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าเจ้าหน้าที่อิสราเอลกำลังค้นหาตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกัน

ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลได้ออกแถลงขอรับบริจาคเลือดเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

การกระทำนี้ของอิสราเอลมีขึ้นหลังจากผู้ละหมาดได้มาตามคำเรียกร้องของผู้นำปาเลสไตน์ที่ประกาศให้วันนี้เป็น “วันแห่งความโกรธแค้น” (day of rage) เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของอิสราเอลที่จะควบคุมการเข้าถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลังจากการโจมตีโดยมือปืนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทำให้ตำรวจอิสราเอลสองนายถูกสังหาร

การเจรจาเพื่อถอดเครื่องตรวจจับโลหะออกจากประตูทางเข้าล้มเหลวในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้เจรจาของปาเลสไตน์ปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอของอิสราเอลว่า “เฉพาะคนที่น่าสงสัยเท่านั้น” ที่จะตรวจสอบผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ

จากนั้นอิสราเอลได้ส่งตำรวจหลายพันคนเข้ามาในเมืองแห่งนี้ มีตำรวจเข้าประจำตำแหน่งด้านบนผู้มาละหมาดด้วยอาวุธปืนกลและปืนไรเฟิลจู่โจม

ตำรวจอิสราเอลเข้ายึดพื้นที่ด้านบนก่อนละหมาดวันศุกร์ (MEE / Lubna Masarwa)

เจ้าหน้าที่รวมถึงหัวหน้าเจรจาของปาเลสไตน์ “ฮากีม อับดุลกอเดร์” ถูกจับกุมหลังจากการเจรจาล้มเหลว

ก่อนที่จะถูกจับกุม อับดุลกอเดร์ กล่าวกับสำนักข่าวมิดเดิ้ลอีสต์อายว่า “ข้อเสนอของอิสราเอลที่จะเก็บเครื่องตรวจจับโลหะไว้ โดยให้เฉพาะบุคคลน่าสงสัยที่จะต้องผ่านเครื่องนั้น ถูกปฏิเสธจากชาวปาเลสไตน์อย่างชัดเจน”

“ในอนาคตพวกเขาจะขยายเพิ่ม (เงื่อนไข) การปะทะกันย่อมจะดำเนินต่อไปจนกว่าเสรีภาพในการนับถือศาสนาจะถูกบูรณะ” เขากล่าว

การปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์ที่ขว้างก้อนหินและตำรวจอิสราเอลที่ใช้ระเบิดแสง (Stun Grenade) ได้เกิดขึ้นทุกวันในกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกนับตั้งแต่เครื่องตรวจจับโลหะถูกติดตั้งเมื่อวันเสาร์ (15 ก.ค) ที่ทางเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรวมถึงมัสยิดอัลอักซอ

การละเมิด

เจ้าหน้าที่กิจการศาสนาอิสลามปาเลสไตน์ระบุว่า เครื่องตรวจจับโลหะละเมิดข้อตกลงที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการนมัสการและการรักษาความปลอดภัยของพื้นที่กรุงเยรูซาเล็ม และได้เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ไม่ยินยอมผ่านเครื่องดังกล่าว  ชาวปาเลสไตน์จึงละหมาดในบริเวณด้านนอกใกล้กับทางเข้าอาคาร

ในคืนวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บ 22 คนจากฝีมือกองกำลังอิสราเอลที่บริเวณประตูสิงโต (Lion’s Gate) ใกล้กับมัสยิดอัลกอักซอ ในกรุงเยรูซาเล็ม ตามรายงานของกาชาดเสี้ยววงเดือนแดง  มี 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกโจมตีด้วยระเบิดแสง

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ได้พิจารณาที่ถอดเครื่องตรวจโลหะดังกล่าวไป แต่จนถึงปัจจุบันเครื่องตรวจจับดังกล่าวยังคงอยู่

อับดุลกอเดร์ กล่าวกับสำนักข่าวมิดเดิ้ลอีสต์อาย ว่า “เครื่องตรวจจับโลหะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความมั่นคงแต่อย่างใด แต่เครื่องมือนี้ของพวกเขาคือการเล่นทางการเมือง เพื่อกดดันชาวปาเลสไตน์ให้สละการควบคุมอัลอักซอ”

“ด้วยความละเอียดอ่อนด้านศาสนาและการเมืองโดยรอบอัลอักซอ – ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวปาเลสไตน์ อาหรับ และมุสลิม – อิสราเอลกำลังเล่นการพนันอย่างมาก และในที่สุดก็ข้ามเส้นสีแดง ไม่ต้องสงสัยนี่อาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตราย” อับดุลกอเดร์ กล่าว