“จดหมายสนเท่ห์” โยงเลือกตั้งกรรมการอิสลามกทม. ไฉนแรงอาฆาตจึงพุ่งเป้ายัง “ดร.วินัย ดะห์ลัน” ?

“จดหมายสนเท่ห์” ในนาม “มุสลิมจังหวัดปทุมธานี” ถูกส่งไปยังบรรดาอิมามของมัสยิดต่างๆ ในกรุงเทพฯ รวมทั้งองค์กร และบุคคลผู้มีชื่อเสียงในแวดวงมุสลิม ใจความสำคัญอ้างถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องงบสนุนสนุนกิจการ “ฮาลาล” ที่ระบุว่ามีการทุจริต คอร์รัปชั่น และรับ “เงินทอน” กันมโฬาร ที่เกี่ยวพันกับ “ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” จึงชัดเจนว่าจงใจซัด “ดร.วินัย ดะห์ลัน” ให้จมมิดดิน!!

ดร.วินัย ดะห์ลัน / ภาพ mtoday

เมื่อต้นช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มี “จดหมายสนเท่ห์” ในนาม “มุสลิมจังหวัดปทุมธานี” ถูกส่งผ่านไปรษณีย์ไปยังบรรดาอิมามของมัสยิดต่างๆ ในกรุงเทพฯ รวมทั้งองค์กร และบุคคลผู้มีชื่อเสียงในแวดวงมุสลิม

ใจความสำคัญของ “จดหมายสนเท่ห์” อ้างถึงความไม่ชอบมาพากลในแวดวงองค์กรมุสลิม

ประเด็นหลักคือเรื่องงบสนุนสนุนกิจการ “ฮาลาล” ที่ “จดหมายสนเท่ห์” ระบุว่ามีการทุจริต คอร์รัปชั่น และรับ “เงินทอน” กันมโฬาร!!

งบฮาลาลนี้เกี่ยวพันกับ “ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” โยงถึง “คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย” โดยตรง

จึงชัดเจนว่าจดหมายนิรนามฉบับนี้จงใจซัด “ดร.วินัย ดะห์ลัน” ให้จมมิดดิน!!

“รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน” เป็นอดีตคณบดี คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และล่าสุดเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม จากรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นอกจากนั้นเขายังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยในโควต้าของนายอาซิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี

ที่สำคัญ ดร.วินัย คนนี้ คือบุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นหนึ่งใน 500 มุสลิมจากทั่วโลกในทำเนียบมุสลิมที่มีอิทธิพลต่อโลกมากที่สุดสามปีติดต่อกัน และเป็นหนึ่งใน 16 มุสลิมจากทั่วโลกและมุสลิมไทยคนเดียวที่มีผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อโลก

กล่าวได้ว่าเกียรติภูมิและชื่อเสียงของ “ดร.วินัย ดะห์ลัน” นั้นอยู่ในระดับโลกเลยก็ว่าได้ !!

ดังนั้นหากเนื้อหาใน “จดหมายสนเท่ห์” ฉบับนี้ซึ่งแพร่หลายไปทั่ววงการมุสลิม “เป็นเรื่องจริง” เกียรติยศต่างๆ ที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตย่อม “ป่นปี้” ไม่มีเหลือ

ทว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ดร.วินัย และ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ ถูกร้องเรียน ก่อนหน้านี้ก็มี “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ที่เขี่ยลูกและดำเนินการเช่นนี้มาแล้ว จนกระทั่ง “สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ “สตง.” ต้องเข้าตรวจสอบและเรียกดูบัญชีทั้งระบบของ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ

ผลการตรวจสอบครั้งนั้น “สตง.” ไม่พบพิรุธหรือความผิดปรกติใดๆ ทั้งสิ้น จึงเท่ากับ “การันตี” การดำเนินการของ ดร.วินัย และ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ ว่า บริสุทธิ์ สะอาด และ โปร่งใส

แน่นอนว่า ผู้เขียน “จดหมายสนเท่ห์” ครั้งล่าสุดนี้ (ที่อาจจะเป็นรายเดียวกับที่เคยชี้ช่องให้สตง.เข้าตรวจสอบ) ก็ย่อมรู้ดีและประเมินได้ว่า ในแง่ข้อเท็จจริง ผลก็ยังคงเป็นเช่นครั้งก่อน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เป้าประสงค์ของเขาอยู่แล้ว

ทว่า สิ่งที่มือลึกลับหวังผล ประการแรกคือการทำลายชื่อเสียงของ “ดร.วินัย” ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะเป็นเพียง “จดหมายสนเท่ห์” แต่ในสังคมส่วนหนึ่งที่ปราศจากการพิเคราะห์ ไตร่ตรอง ก็ย่อมต้องมีคนเชื่อบ้างไม่มากก็น้อย

กระนั้นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ “จดหมายสนเท่ห์” ฉบับนี้ ก็คือ ต้องการกระแทกไปยัง “จิตใจ” และ “ความรู้สึก” ของ “ดร.วินัย ดะห์ลัน” โดยตรงมากกว่า!!

นั่นเพราะ “ดร.วินัย” มีพื้นฐานมาจากนักวิชาการ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เติบโตมาในแวดวงนักวิจัยและอาจารย์มหาวิทยาลัย แม้กระทั่งย่างก้าวเข้าสู่วงการบริหารองค์กรมุสลิมระดับประเทศก็มาในนามนักวิทยาศาสตร์ด้านฮาลาล

พื้นฐานและพื้นเพแบบนี้ มือลึกลับรู้ดีว่า มีความ “เปราะบาง” ทางความรู้สึก เมื่อเทียบกับคนจากแวดวงอื่นๆ โดยเฉพาะแวดวง “การเมือง” !!

เมื่อโดนสาดโคลนหนักๆ ก็จะฝ่อ และ “ถอนตัว” ด้วยตนเอง!!

ทั้งนี้ เพราะเบื้องลึกของ “จดหมายสนเท่ห์” ฉบับนี้เชื่อมโยงกับการคัดเลือก “คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร” แทนชุดเก่าที่จะหมดวาระ ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

มีการคาดการณ์ว่า “ดร.วินัย ดะห์ลัน” จะลงรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ หรืออย่างน้อยก็อาจจะหนุนทีมตรงกันข้ามกับทีมของ “ผู้มีบารมี” คนหนึ่งที่ต้องการเข้าไปนั่งในคณะกรรมการ

ซึ่งหากดร.วินัย ลงลงรับสมัครเลือกตั้งหรือหนุนอีกทีม ด้วยภาพนักวิชาการน้ำดีก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำสูงเลยทีเดียว

กล่าวสำหรับระบบโครงสร้างตามพรบ.บริการกิจการศาสนาอิสลาม 2540 นั้น “คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ” ที่ได้รับเลือกตั้งก็จะคัดเลือกตัวแทนกันเพื่อไปดำรงตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ” และตัวแทนเข้าไปเป็น “กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย” อย่างละ 1 คน

ซึ่งการได้เป็นตัวแทนไปนั่งในตำแหน่ง “กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย” นี้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นความหมายปองของ “อดีตคนการเมือง” ผู้หนึ่งที่เคยนั่งในตำแหน่งนี้ แต่เนื่องจากการคาดการณ์ผิดไปบางประการ จึงทำให้เขาต้องหลุดโผในสมัยที่แล้ว และกลายเป็นไร้บทบาทในองค์กรบริหารศาสนาอิสลามสูงสุดของประเทศไทย

ความเจ็บช้ำครั้งนั้น นำมาสู่ความมุ่งมั่นในสมัยการเลือกตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกรุงเทพฯ ครั้งนี้ และสำหรับเขานี่ก็เป็นเพียง “ช่องทางเดียว” ที่จะสามารถเข้าไปมีบทบาทในคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยอีกครั้ง

อีกเมื่อการเลือกตั้งของไทยก็ยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด นี่จึงเป็นตำแหน่งหัวโขนเดียวที่น่าสนใจสำหรับเขาในตอนนี้

ทว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ของเขาก็อยู่ตรงชายที่ชื่อ “ดร.วินัย ดะห์ลัน” ด้วยเหตุนี้ในวงการมุสลิมจึงไม่มีใครเดาผู้ลงมือเขียน “จดหมายสนเท่ห์” ว่าเป็นผู้อื่น ยกเว้นเขาผู้นี้ รวมทั้งด้วยรูปแบบการป้ายสีสาดโคลนสไตล์ “การเมือง” เก่าๆ ก็ยิ่งย้ำชัดถึงข้อสันนิษฐาน เพราะไม่มีใครชำนาญการวิธีแบบนี้เว้นเสียว่าจะเป็น “นักการเมืองเก่า”

กล่าวสำหรับ “ดร.วินัย ดะห์ลัน” ซึ่งตอนแรกยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่นั้น ล่าสุดหลังโดนกระหน่ำจาก “จดหมายสนเท่ห์” เขาประกาศตัวออกมาชัดเจนแล้วว่า ยังไม่ถอยหรือถอดใจ อย่างน้อยๆ ก็ประกาศร่วมทัพหนุนอีกทีมตรงข้ามอย่างชัดเจนแล้ว

นอกจากนั้น“ดร.วินัย ยังประกาศก้องว่า “ถ้าผมได้เงินทอนแม้แต่บาทเดียว จากเงินที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จัดสรรให้องค์กรศาสนาทั่วประเทศ ขอให้พระเจ้าจงลงทัณฑ์แก่ผมทั้งโลกนี้และโลกหน้า แต่หากผมบริสุทธิ์ ขอจงประทานความจำเริญแก่ผม”

แน่นอนว่า อนาคตผลการเลือกตั้งจะเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ ชุดใหม่จะออกมาเป็นเช่นไรนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ นี่ความฟอนเฟะบางประการในกระบวนการเลือกตั้งขององค์กรบริหารกิจการอิสลามที่เล็ดรอดออกมาให้ได้เห็น

และเป็นเหตุผลว่าไฉนแรงอาฆาตอันรุงแรงผ่าน “จดหมายสนเท่ห์” จึงพุ่งเป้ายัง “ดร.วินัย ดะห์ลัน”!!