Memo – ตุรกีเป็นประเทศที่สามารถสนับสนุนความพยายามในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนในตะวันออกกลาง นายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดริม แห่งตุรกีกล่าวในวันจันทร์ (27 พ.ย.) ที่ผ่านมา
“ถ้ามีหนึ่งประเทศที่ทำให้ความหวังของชาวซีเรียยังคงดำรงอยู่ ประเทศนั้นก็คือตุรกี” ยิลดริมกล่าวกับกลุ่มผู้แทนองค์กรเอกชน นักวิชาการ และนักข่าว ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่กรุงลอนดอน
สุนทรพจน์ในหัวข้อ ”มุมมองของตุรกีในตะวันออกกลาง: มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือไม่” เขาชี้ให้เห็นว่าการเจรจาสันติภาพในเมืองอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมกราคมของปีนี้ ไม่ได้เป็นการแข่งกับความพยายามคล้ายกันที่เกิดขึ้นในกรุงเจนีวา แต่มุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติในซีเรีย
“กระบวนการของอัสตานาไม่ได้เป็นทางเผื่อเลือกแข่งกับกระบวนการเจนีวา แต่เป็นการเตรียมการเพื่อความยั่งยืน และการกำกับดูแลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบูรณภาพของดินแดนซีเรียและทุกกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่มีการติดต่อกับกลุ่มก่อการร้ายซึ่งจะได้เป็นตัวแทน”
ยิลดริมกล่าวว่า ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของอัสตานา -ซึ่งริเริ่มโดยตุรกี รัสเซีย และอิหร่าน เพื่อหาข้อตกลงสันติภาพอันยั่งยืนในซีเรีย- ได้เดินมาไกลในการช่วยลดความตึงเครียดและยุติการสู้รบได้เป็นอย่างดี
การเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ รวมถึงกองกำลังพันธมิตรและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ ที่จะต้องรับผิดชอบมากขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป ยิลดริมกล่าวว่าเขามั่นใจว่า “ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ประเด็นคำถามเกี่ยวกับซีเรียจะได้พบกับทางออก การต่อสู้และประสบการณ์แห่งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้จะสิ้นสุดลง”
เขาเน้นย้ำว่า มีชาวซีเรียมากกว่า 3.5 ล้านอาศัยอยู่ในตุรกีหลังจากหนีออกจากประเทศเนื่องจากสงครามกลางเมือง, ยิลดริมกล่าวว่า มีเด็กๆ ชาวซีเรีย 250,000 คนที่เกิดในตุรกี และมีเด็กๆ ชาวซีเรียประมาณ 600,000 คนที่ได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนตุรกี
“เราได้ต้อนรับผู้คนนับล้านที่หนีการกดขี่และการโจมตี” นายกรัฐมนตรีกล่าว