เมืองที่มิเคยหลับไหล…ราตรีที่สว่างไสว…ตระการไปด้วยแสงสีเสียง… นั่นน่าจะเป็นนิยามที่ชัดเจนของ “พัทยา” เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านสถานบันเทิงเป็นหลัก ถึงขนาดที่หลายคนอาจรู้สึกว่าการไปเที่ยวพัทยานั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
แต่ปัจจุบัน เมืองพัทยาเป็นมากกว่าเมืองสำหรับนักท่องราตรีแบบในอดีตแล้ว มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น กระทั่งพัทยาได้กลายเป็นเมืองยอดนิยมแห่งหนึ่งของคนไทย แล้วยิ่งสำหรับชาวต่างชาตินั้น ความนิยมยิ่งทวีคูณ พัทยาในปัจจุบันจึงสามารถดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วทุกทวีปให้มาเยือน
และนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาสู่พัทยานั้นก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป็น “มุสลิม” ทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง ผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวจึงต่างพัฒนาการบริการเพื่อตอบรับการเติบโตและ ขยายตลาดให้ครอบคลุมสู่กลุ่มต่างๆ
“โรงแรม เอ-วัน เดอะ รอยัล ครูส พัทยา” ก็เช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มมุสลิม จึงได้เปิดบริการห้องอาหารฮาลาลขึ้น ชื่อว่า “The Harbour Restaurant” (ห้องอาหาร เดอะ ฮาเบอร์) โดยห้องอาหารฮาลาลแห่งนี้เปิดบริการมาได้ 4 ปีแล้ว มีความโอ่โถง กว้างขวาง หรูหรา ที่สำคัญก็คือเป็นห้องอาหารฮาลาลแท้แห่งแรกแห่งเดียวในเมืองพัทยา และแห่งเดียวในภาคตะวันออก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริการอาหารฮาลาลเพื่อการท่องเที่ยว จากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ในวันที่ “พับลิกโพสต์” มีโอกาสไปเยือนนั้น ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก “คุณสุณีย์ แววมณี” ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ (PR Manager) ซึ่งได้นัด “คุณสุรศักดิ์ ปั้นเคลือบ” หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef) และ “คุณมานิต และมิตร” (ฮัจยีสุไลมาน) ที่เป็น “เชฟฮาลาล” (Halal Chef) ได้มาร่วมนั่งคุยเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นห้องอาหารฮาลาลใน โรงแรมหรูแห่งนี้
คุณสุณีย์ แววมณี PR Manager (ซ้าย) , คุณมานิต และมิตร Halal Chef (กลาง) และ ผู้สื่อข่าว พับลิกโพสต์ (ขวา)
ห้อง อาหาร “เดอะ ฮาเบอร์” ที่ “โรงแรม เอ-วัน เดอะ รอยัล ครูส พัทยา” แห่งนี้ เกิดจากการผลักดันของ คุณสุรศักดิ์ ปั้นเคลือบ ที่นอกจากจะเป็น Executive Chef ของโรงแรมเอ-วัน แล้วก็ยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเชฟเมืองพัทยาและจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออก อีกด้วย โดยเชฟสุรศักด์ ได้เล่าแนวคิดของการเปิดห้องอาหารฮาลาลที่นี่ว่า “ปัจจุบันลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวมาจากฝั่งตะวันออกกลางมีเยอะขึ้น รวมทั้งคนไทยเองก็เข้ามาใช้บริการกับทางโรงแรม และบางส่วนก็เป็นลูกค้าที่เคร่งครัด ประกอบกับตลาดตรงนี้ยังไม่มีที่ไหนรองรับ จึงเกิดแนวคิดว่าน่าจะทำห้องอาหารฮาลาลขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้”และ ส่วนหนึ่งจากที่ต้องดูแลรับผิดชอบด้านอาหาร ให้บริการลูกค้าที่เป็นชาวมุสลิม โดยก่อนหน้าที่จะมีห้องอาหารฮาลาล ทุกครั้งต้องเรียกใช้บริการจากร้านฮาลาลข้างนอก จึงทำให้เชฟสุรศักดิ์ หันมาสนใจศึกษาการทำครัวฮาลาลในโรงแรมเอง
คุณสุรศักดิ์ ปั้นเคลือบ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef)
“จุดเริ่มต้นที่หันมา ศึกษาการทำอาหารฮาลาล มาจากลูกค้าธนาคารอิสลามที่ติดต่อเข้ามาเพื่อใช้บริการอาหารฮาลาล ก่อนสัมมนาเขาจะเข้ามาตรวจ ถ้าไม่ถูกต้องนี่ไม่ได้เลย ครั้งแรกผมก็ไปซื้อของที่ร้านมุสลิมซีฟู้ดส์ จ้างมุสลิมซีฟู้ดส์มาทำ จนเมื่อมีครั้งที่ 2 ก็เริ่มมองและเห็นว่าการทำอาหารฮาลาลไม่น่ายากถ้าเราได้ศึกษาหลักการที่ถูก ต้อง จึงคิดทำตรงนี้เพื่อรองรับลูกค้าให้ได้รับความสะดวกและครบวงจรมากขึ้น ช่วงแรกๆ ได้ขอคำแนะนำจากมุสลิมซีฟู้ดส์ ซึ่งเขาก็ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี”
เมื่อเริ่มดำเนินการขอมาตรฐานฮาลาล เชฟสุรศักด์บอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องผ่านการอบรม และตรวจสอบเป็นปี ถึงจะได้ใบรับรองมาตรฐาน แต่ตอนนี้ได้วางระบบทุกอย่างไว้ดีแล้ว ทุกคนต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อปฏิบัติที่วางไว้
“ห้องอาหารฮาลาลของ เราได้มาตรฐานถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ทั้งครัว ทั้งห้องอาหาร ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสั่งซื้อ กรรมวิธีการปรุง มีเชฟมุสลิม ควบคุมโดยตรง นั่นคือ “เชฟมานิต และมิตร (ฮัจยีสุไลมาน)” ซึ่งเป็นเชฟฮาลาล (Halal Chef) มีประสบการณ์ด้านอาหารฮาลาลมากว่า 40 ปี รวมทั้งได้มีการตรวจมาตรฐานตลอดเวลา โดยทุกๆ 1 เดือนจะมีที่ปรึกษาของทางฮาลาลจังหวัดมาคอยดูแล ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าของเราได้มาตรฐานฮาลาลจริงๆ”
เชฟ สุรศักด์ กล่าวถึงจุดเด่นของห้องอาหารเดอะฮาเบอร์ ว่า “ห้องอาหารเดอะฮาเบอร์ไม่ได้ขออนุญาต เฉพาะครัวฮาลาลอย่างเดียว แต่ได้ขออนุญาตห้องอาหารฮาลาลด้วย นั่นหมายถึงว่า จะนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรืออื่นๆ ที่ผิดหลักเกณฑ์ฮาลาลเข้ามาไม่ได้เลย รวมทั้งเรายังมีห้องละหมาดไว้ให้ลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย”
ห้องละหมาดสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ
ด้าน เชฟมานิต ผู้ควบคุมดูแลอาหารฮาลาล ได้กล่าวเสริมว่า “ห้องอาหารของเรานอกจากเป็นครัวฮาลาลแล้ว เรายังได้มาตรฐานบริการอาหาร ฮาลาลเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งต่อยอดขึ้นไปอยู่ในทำเนียบห้องอาหารในหนังสือบนสายการบิน”
“ห้องอาหารของเรามีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่ม ขึ้นจากการก้าวไปสู่ตลาดอาเซียน หรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ที่จะมาถึง” “และอีกอย่างหนึ่ง คือ ลูกค้าสามารถเข้ามารับประทานได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องมีการจองล่วงหน้า เรามีความพร้อมในการให้บริการได้ตลอด เพื่อซับพอร์ตลูกค้าและนักท่องเที่ยว ให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น” เชฟมานิต กล่าว
“ห้องอาหาร เดอะ ฮาเบอร์” ตั้งอยู่ชั้นล่างของ โรงแรม เอวัน เดอะรอยัล ครูส พัทยา โรงแรมหรูระดับ 4 ดาว บนชายหาดพัทยาเหนือซอย 2 โดยเปิดให้บริการอาหารอินเตอร์ อาหารอินเดียบางส่วน มีอาหารเช้าแบบอเมริกัน ไว้บริการในเวลา 6.00 – 10.00 น. ก่อนจะเปิดให้บริการ A la Carte (อาลาคาร์ท) ในเวลา 11.00 -22.00 น.
ส่วน บุฟเฟ่ต์ เริ่มให้บริการในเวลา 16.30 น. มีเมนูกว่า 30 รายการ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวันในราคาเพียง 370 บาทต่อคน และในวันที่ 15 เมษายนนี้ จะเริ่มให้บริการอาหารเป็นเซ็ท เพื่อรองรับลูกค้าทั่วไปและกรุ๊ปทัวร์ด้วย ซึ่งห้องอาหารเดอะฮาเบอร์สามารถรองรับลูกค้าได้ 300 – 350 คน
สำหรับใครที่ต้องการแวะมาใช้บริการที่นี่ การเดินทางหากมาจากตัวเมืองชลบุรี ใช้ถนนเส้นสุขุมวิท ตรงไปพัทยาเหนือ แล้วเข้าถนนเลียบชายหาด ก็จะเห็นโรงแรมเอวันเดอะรอยัลครูส พัทยา ที่อยู่ 499 หมู่ 9 ซอย 2 ถนนพัทยาเหนือ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง ชลบุรี หรือโทรสอบถามที่เบอร์ 038-259-500-5, 038-259-555
นับเป็นความโชคดีและสะดวกสบายของนักท่องเที่ยวมุสลิมและลูกค้าทั่วไปยาม เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวหรือทำภารกิจที่พัทยา ที่มีห้องอาหารฮาลาลเลิศรส ในบรรยากาศหรูๆ ไว้รองรับและอำนวยความสะดวก มาพัทยาเมื่อใดก็อย่าได้พลาดที่จะแวะมาชิมกันล่ะ!!