ตบหน้าสหรัฐฯ! 128 ประเทศลงมติต้านรับรองเยรูซาเลม ไม่สนคำขู่

128 ประเทศทั่วโลก ลงมติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติให้คำประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลของสหรัฐฯ เป็น ‘โมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย’ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกมาขู่เรื่องการตัดความช่วยเหลือทางการเงินกับประเทศที่โหวตสนับสนุนข้อมติก็ตาม

สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 128 ต่อ 9 เสียง ให้คำประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย โดยประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้ง 4 ประเทศ ซึ่งได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ต่างออกเสียงสนับสนุนมตินี้

สำหรับประเทศไทย ก็ได้ออกเสียงสนับสนุนมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งนี้เช่นกัน

มี 9 ประเทศที่โหวตคัดค้าน ซึ่งรวมถึงสหรัฐและอิสราเอล ขณะที่ 35 ประเทศตัดสินใจงดออกเสียง ภายหลังจากที่นายทรัมป์ออกมาขู่ว่าจะตัดเงินช่วยเหลือแก่ประเทศที่สนับสนุนมติของสหประชาชาติในครั้งนี้ และอีก 21 ประเทศไม่ได้เข้าร่วมการประชุม

ระหว่างการประชุมนางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ประกาศว่า ‘สหรัฐฯ จะจดจำวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่เราถูกโจมตีในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ จากการใช้สิทธิในฐานะชาติที่มีอำนาจอธิปไตย’ พร้อมยืนยันว่า นครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป โดยนายเฮลีย์ยังโจมตีประเทศที่ออกเสียงสนับสนุนมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดของปาเลสไตน์

การประชุมวาระพิเศษฉุกเฉินของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งมี 193 ประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิก เป็นการประชุมที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก โดยในครั้งนี้ได้มีการจัดการประชุมขึ้นภายหลังจากที่กลุ่มประเทศอาหรับและมุสลิมยื่นคำร้องต่อสหประชาชาติ

ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธมติในครั้งนี้ พร้อมประณามสหประชาชาติว่าเป็น ‘สภาแห่งการหลอกลวง’ ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ประกาศว่า มติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของปาเลสไตน์

การลงมติครั้งนี้ไม่มีผลผูกพัน แต่เป็นการส่งสัญญาณความไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลไม่นานนี้ พร้อมเตรียมย้ายสถานทูตอเมริกันจากนครเทล อาวีฟ มาที่เยรูซาเล็ม

นักวิเคราะห์มองว่าผลการลงคะแนนเสียงทำให้เห็นว่าสหรัฐกำลังถูกโลกโดดเดี่ยว ในความพยายามอย่างไม่สนใจเสียงคัดค้านที่จะรับรองกรุงเยรูซเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล