สวนคืน!! ตุรกีเตือนพลเมืองทบทวนแผนเดินทางไปสหรัฐฯ

(Photo by Anadolu news agency)

เดอะนิวอาหรับ – ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) ตุรกีได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการเดินทางกระตุ้นให้พลเมืองของตนพิจารณาทบทวนแผนการเดินทางของพวกเขาไปยังสหรัฐฯโดยอ้างถึงความเสี่ยงต่อการโจมตีจากการก่อการร้ายและการกักขังโดยพลการ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวของตุรกีเกิดขึ้นหลังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแนะนำเมื่อวันพุธ (10 ม.ค.) กระตุ้นให้ชาวอเมริกันพิจารณาแผนการเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย

แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศตุรกี ใช้ภาษาเกือบจะเหมือนกันกับคำแนะนำของสหรัฐฯ ที่มีต่อพลเมืองอเมริกัน โดยเตือนถึงความเสี่ยงจากการก่อการร้ายและ “ความเสี่ยงในการถูกคุมขังโดยพลการ” ในอเมริกา

ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทั้งสองของนาโต้ได้กลายเป็นความตึงเครียดมากขึ้นในหลายประเด็น รวมทั้งการที่ตุรกีได้จับกุมเจ้าหน้าที่ชาวตุรกีสองคนของหน่วยงานด้านภารกิจการทูตของสหรัฐในประเทศตุรกี

วอชิงตันระงับการให้บริการวีซ่าต่อพลเมืองตุรกีหลังจากเจ้าหน้าที่สถานกงสุลของสหรัฐในกรุงอิสตันบูล นายเมติน โตปุซ (Metin Topuz) ถูกจับกุมในเดือนตุลาคม ในข้อหาเชื่อมโยงกับเฟตฮุลเลาะห์ กุเลน นักการศาสนาที่ทางการตุรกีถือว่าเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารล้มเหลวของตุรกีเมื่อปี 2016

ตุรกีสวนกลับในเวลานั้น ด้วยการระงับการให้บริการด้านวีซ่าเช่นกัน

แต่วิกฤตดังกล่าวได้รับการแก้ไขในเดือนธันวาคม เมื่อสหรัฐฯ กล่าวว่า ได้รับการรับรองจากอังการาว่าจะไม่มีการดำเนินการตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ของตน แม้ว่าตุรกียืนยันว่าไม่ได้มีการรับรองใดๆ ก็ตาม

ในขณะเดียวกันตุรกียังคงคุมขังนายฮัมซะห์ อูลูเคย์ (Hamza Ulucay) เจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านการแปล สถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองอะดานา (Adana) ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2017 ในข้อหาเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายชาวเคิร์ด

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศห่างเหินจากการที่สหรัฐฯ ปฏิเสธส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นายเฟตฮุลเลาะห์ กุเลน ซึ่งพำนักในสหรัฐฯ ให้กับตุรกี โดยตุรกีถือว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบการรัฐประหารในปี 2016 รวมทั้งจากการที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนทางทหารแก่กลุ่มกบฏเคิร์ดในซีเรียที่อังการาถือว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย