นอกจากสร้างผลงานเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาอิสลามและความเข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรมในภาพรวมแล้ว กรมที่ดินและการเคหะแห่งชาติในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเด่น โต๊ะมีนา)ยังได้จัดตั้งสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขาอำเภอสุไหงปาดีและโครงการบ้านพักอาศัยการเคหะแห่งชาติในเขตพื้นที่ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสอีกด้วย และได้ตรวจราชการที่บ้านบูเกะตา ต.โละจูด อ. แว้ง จ. นราธิวาส เพื่อจะสร้างด่านตรวจคนเข้าเมืองแห่งใหม่ที่บ้านบูเกะตา ตามที่ ส.ส. จังหวัดนราธิวาส พรรคความหวังใหม่ นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ นายนัจมุดดิน อูมา และ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขอให้เปิดด่านข้ามแดนระหว่างประเทศที่ บ้านบูเกะตาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2535
แต่ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการออกไปตรวจเยี่ยมโครงการและพี่น้องประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ อยู่นั้น พลันเกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่ไม่คาดคิดมาก่อน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2536 มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบวางเพลิงโรงเรียนในสังกัดการประถมศึกษาและศูนย์พัฒนาตำบลในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ สงขลา จำนวน 39 แห่ง เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างดุเดือดเข้มข้น เพราะรัฐบาลชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นนายทหารที่เคยแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติได้รับผลสำเร็จตามนโยบาย 66/23 และเจ้าของโครงการฮารัปปันบารูที่เป็นนโยบายหลักในการแก้ปัญหาความไม่สงบสุขในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ อีกทั้งแกนนำสำคัญของกลุ่มวะห์ดะห์ได้เข้าร่วมบริหารประเทศในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและรองผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ กระทรวงศึกษาธิการอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนักการเมืองดินแดนถิ่นสะตอ เหตุไฉนความรุนแรงถึงขั้นก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนได้ขนาดนี้ ผู้สื่อข่าวต่างๆได้ติดตามขอสัมภาษณ์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งแต่ระดับนโยบายและฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งแต่ละท่านตอบสื่อมวลชนในแง่มุมต่างๆตามความคิดและข้อมูลที่ได้รับมา
เหตุการณ์ลอบวางเพลิงโรงเรียนและและศูนย์พัฒนาตำบลรวม 39 แห่ง นี้ บางสายรายงานว่า เกิกจากขบวนการพูโลและผู้นำศาสนาบางกลุ่ม ไม่พอใจที่มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งจะปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ. องค์กรบริหารศาสนาอิสลามเพื่อปูทางให้พี่ชายของตนก้าวสู่ตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ผู้สื่อข่าวจึงได้สัมภาษณ์ นายเด่น โต๊ะมีนา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะที่ท่านเด่นฯได้ไปประชุมที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ซึ่งท่านเด่นฯกล่าวว่า “ โรงเรียนที่ถูกเผาอยู่ในใจกลางหมู่บ้าน การกระทำของคนร้ายมีการวางแผนมาก่อน ไม่ได้ทิ้งจดหมายแจ้งให้รู้ว่ากลุ่มใหนทำ จึงยังไม่รู้ว่าเป็นคนร้าย กลุ่มใหน แต่ขอเวลา 7 วัน ให้ผู้เกี่ยวข้องสืบสวนดูก่อน โดยเฉพาะเหตุการณ์ลอบวางเพลิงโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดมาหลายครั้งแล้วแต่เรื่องเงียบหายไป คราวนี้ตนไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ต้องจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้ หากทำไม่สำเร็จจะมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายข้าราชการในพื้นที่ครั้งใหญ่ต่อไป”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ พื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตคะแนนเสียงพรรคความหวังใหม่ เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ท่านเด่นฯตอบว่า “ เป็นไปไม่ได้ ไม่คิดว่าจะเป็นสาเหตุทางการเมือง เนื่องจากไม่มีวี่แววมาก่อนว่าจะมีการกระทำ ส่วนเรื่องกฎหมายอิสลามนั้น ตนยืนยันได้ว่าไม่ได้เกิดจากเหตุนี้แน่นอน ไม่เกี่ยวข้องด้วย ตอนนี้ตนยอมรับว่ามีความคิดในการหาหลักฐาน จึงต้องขอเวลาอีกวันสองวัน เพราะบางหมู่บ้านที่โรงเรียนถูกเผา เป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ถ้าหากว่ามีขบวนการหรือแนวร่วมของขบวนการโจรก่อการร้าย (ขจก.) อยู่ในหมู่บ้านเหล่านี้ตามที่เป็นข่าว ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะถือว่าแนวร่วมมีอยู่ทุกหมู่บ้านแล้ว จะต้องให้ผู้รับผิดชอบค้นหาความจริงมาให้ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ นักเรียนไม่มีที่เรียน จะต้องแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและ ส.ส. จังหวัดยะลา ได้เดินทางไปดูความเสียหายของโรงเรียน ชนูปถัมภ์ในเขตเทศบาลเมืองยะลา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “ รู้สึกเสียดายและสลดใจมาก ไม่น่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย พื้นที่ที่เกิดเหตุทั้งหมดเรียกได้ว่าไม่มีปัญหาใดๆ สภาพทั่วไปดีมาก การกระทำของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีความประสงค์อันใด เหตุเกิดขึ้นตั้ง 30 แห่ง ในสามจังหวัดพร้อมกันเช่นนี้ ฝ่ายข่าวของรัฐบาลน่าจะสืบออกมาให้ได้ เผาอย่างนี้เหมือนเผาเมือง น่าจะสืบออกมาให้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร คงต้องให้เวลาสืบหนึ่งอาทิตย์ ประชาชน ครู ข้าราชการ ควรร่วมมือกันสืบหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้ด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล ทำลายขวัญพี่น้องประชาชน”
ส่วนเจ้ากระทรวงศึกษาธิการ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ได้เดินทางไปสำรวจดูโรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงในพื้นที่ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ว่า “ ผมบอกกับชาวบ้าน ที่น่าเป็นห่วงมากคือรัฐมนตรีของผมคือ นายเด่น โต๊ะมีนา ซึ่งเป็น ส.ส. จังหวัดปัตตานี การกระทำของคนร้ายเท่ากับเป็นการเขย่าเก้าอี้ท่านเด่นฯ ทำอย่างนี้ไม่ถูก ฉะนั้นชาวบ้านต้องให้กำลังใจท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านต้องรับภาระหนัก ถ้าท่านดำเนินการอย่างจริงจัง เข้าใจว่าชาวบ้านคงให้ความร่วมมือ แล้วคงจับคนร้ายได้”
และนายสัมพันธ์ฯ ยังให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า “เรื่องนี้ถ้ามองในด้านการเมืองเท่ากับเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีพี่น้องนับถือศาสนาอิสลามมากอย่างนี้ หยามหน้ากัน ลักษณะเช่นนี้ถ้าทำในจังหวัดนครศรีธรรมราชของผม ในขณะที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เกิดวางเพลิงทุกโรงเรียน เท่ากับหยามหน้าผม ก็ต้องดูกัน หยามหน้าพี่เด่นก็เช่นกัน พี่เด่นมีความรอบรู้ มีความชำนาญในพื้นที่ แล้วยังมีทีมงานมีพรรคมีพวกชาวบ้าน ไม่ว่าในปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่เห็นกับความสงบสุข ต้องสนับสนุนช่วยเหลือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ลอบวางเพลิง ซึ่งไม่ใช่โจรธรรมดา หากเป็นโจรธรรมดาไม่สามารถจะทำพร้อมกันได้ ต้องเป็นขบวนการ “ นายสัมพันธ์ย้ำหนักแน่น
การให้สัมภาษณ์ของนายสัมพันธ์ ทองสมัคร ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการศึกษาของชาติ ผู้เสียหายโดยตรง นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ขณะนั้น
พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนออกเดินทางไปอำเภอหาดใหญ่ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า “การก่อเหตุร้ายครั้งนี้เป็นขบวนการโจรก่อการร้ายหรือไม่ พล.อ. ชวลิตฯ ตอบว่า “ตนคิดว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น ตนมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังพูดอะไรมากไม่ได้” ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า “ เป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่” พล.อ. ชวลิตฯกล่าวว่า “ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว คงไม่รุนแรงอย่างนี้แน่ เรื่องนี้นับว่าเป็นขบวนการใหญ่” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า “สาเหตุมาจากเรื่องผลักดันกฎหมายอิสลามหรือไม่ “ พล.อ. ชวลิตฯตอบว่า “ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่ากฎหมายอิสลามเราก็คงจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ตนจะไปฟังสรุปสถานการณ์ เพื่อจะดูว่าคดีนี้เป็นคดีอะไร ตนคิดว่าเป็นคดีการเมือง เพราะมีการสร้างสถานการณ์ขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้กระทำหวังผลกระทบมากพอสมควร ตนจะไปฟังข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับผลกระทบ ต้องการให้กระทบไปถึงใคร เหตุการณ์นี้ผมถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ผมยอมไม่ได้ “
ส่วนนายอารีเพ็ญ อุตรสินธ์ุ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ส.ส. จังหวัดนราธิวาส พรรคความหวังใหม่เจ้าของพื้นที่โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงหลายโรง ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ว่า “จากการที่ตนได้ลงไปในพื้นที่ ชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ใช่ฝีมือของ ขจก. รวมทั้งครูที่อยู่ในพื้นที่ก็บอกว่า ไม่ใช่เป็นการกระทำของ ขจก. ซึ่งตนก็แปลกใจที่หน่วยงานราชการทั้งกองทัพและตำรวจออกมาพูดคนละแนวทาง ทำให้เกิดความสับสน ทั้งๆที่ควรจะรับฟังชาวบ้านเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขณะนี้ชาวบ้านไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะเกรงจะได้รับอันตราย เพราะผู้ก่อเหตุความวุ่นวายไม่ใช่ ขจก.”
ผู้สื่อข่าวยังถามนายอารีเพ็ญฯต่อว่า “เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการแก้ไข กฎหมายอิสลามที่ท่านเด่นฯดำเนินการอยู่หรือไม่” นายอารีเพ็ญฯตอบว่า “ไม่ใช่แน่นอน เพราะคนในพื้นที่แทบทุกคนให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. กฎหมายอิสลามที่ปรับปรุงใหม่ แม้จะมี ร่าง พ.ร.บ.นี้ถึง 3 ร่างก็ตาม แต่ทุกฝ่ายก็ได้มีการพูดคุยจนเกิดความเช้าใจกันแล้ว ส่วนเรื่องที่ออกข่าวว่าเป็นโรงเรียนที่สอนให้รู้ศาสนาพุทธมากและพูดถาษาไทยนั้น ตนคิดว่าไม่เป็นความจริง ตนก็เรียนจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และคนในจังหวัดชายแดนใต้อยากให้ลูกหลานได้รู้เกี่ยวกับความเป็นคนไทย พูดภาษาไทยได้ เพื่อให้เป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่อยู่โดดเดี่ยว ติดต่อกับคนทั้งประเทศได้ เรื่องนี้ตนรับรองว่าไม่ใช่สาเหตุการลอบวางเพลิงโรงเรียนแน่นอน”
อดีต รมช.กระทรวงศึกษาธิการ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัยของจังหวัดนราธิวาส, ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ และปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์