นิวอาหรับ – ชาวปาเลสไตน์เจ็ดคนรวมถึงเยาวชนสองคนอายุ 12-14 ปีถูกสังหารโดยกองกำลังอิสราเอลตามแนวพรมแดนกาซาในวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขกาซาเผย
การประท้วงชายแดนที่เปื้อนเลือดที่สุดเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ปีนี้ เมื่อชาวปาเลสไตน์มากกว่า 60 คนเสียชีวิตในความรุนแรงที่มาพร้อมกับการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งนับเป็นย่างก้าวที่จุดประกายความโกรธแค้นแก่ปาเลสไตน์
โฆษกของกระทรวงสาธารณสุข นายอัชราฟ อัลกุดรา กล่าวกับเอเอฟพีว่า ด.ช.นัสเซอร์ มูซาบิน วัย 12 ปี ด.ช.โมฮัมเหม็ด อัลโฮม วัย 14 ปี และนายอียาด อัลชาอาร์ อายุ 18 ปี ถูกยิงเสียชีวิตในวันศุกร์ตามแนวชายแดนของอิสราเอล
นอกจากนั้นยังมีชายปาเลสไตน์อีกสี่คนในวัย 20 ปีที่ถูกฆ่าตาย โฆษกฯ กล่าวและเพิ่มเติมว่า ชาวปาเลสไตน์ 210 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยในจำนวนนนี้มี 90 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน
ชาวปาเลสไตน์ได้ประท้วงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งตามแนวพรมแดนกาซาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “Great March of Return”
การประท้วงในวันศุกร์ใหญ่กว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 193 คนถูกสังหารโดยกองกำลังอิสราเอลตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างการประท้วงที่ชายแดน ทหารอิสราเอลคนหนึ่งถูกสังหารโดยพลซุ่มยิงชาวปาเลสไตน์ในช่วงเวลาดังกล่าว
