รปช. แจงผลเดินคารวะแผ่นดิน กทม.-ใต้-ตอ.-ตต. “สุเทพ” ชี้ประชาชนกังวลเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาปากท้อง รายได้ไม่เพียงพอ ค้าขายไม่ดี ลั่นพลังประชาชาติไทย ขออาสาแก้ปัญหาเหล่านี้ เตรียมลุยกลาง-เหนือ-อีสาน ต่อ
ที่ชั้น 28 อาคารทู แปซิฟิค เพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค กล่าวรายงานผลการเดินคารวะแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาว่า จากการที่ได้เดินคารวะแผ่นดินมาเกือบครึ่งประเทศ ได้พบความจริงจากพี่น้องประชาชนว่า มีความวิตกกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่หัวหน้าครอบครัวทำงานคนเดียว มีภาระของการดูแลผู้สูงอายุและดูแลบุตรหลาน ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอกับการดำการดำรงชีวิต แม้ว่ารัฐบาลจะรับภาระในการดูแลผู้สูงอายุและการดูแลด้านการศึกษาอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอ
พ่อค้าแม่ขายในกรุงเทพมหานครได้บอกให้ทราบว่าเศรษฐกิจในระดับล่างนั้นไม่ดี การค้าการขายตกต่ำลง ถ้าภาวะเศรษฐกิจยังดำรงอยู่เช่นนี้จะกระทบถึงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้มากไปกว่านั้น จากการเดินคารวะแผ่นดินในต่างจังหวัดพบว่าประชาชนต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหนักกว่าในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะในด้านราคาสินค้าทางการเกษตร พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรด มะพร้าว ราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ขายได้ไม่คุ้มทุน
ส่วนในด้านการประมงมีชาวประมงจำนวนมากที่จะต้องหยุดทำมาหากินเนื่องจากข้อกำหนดระหว่างประเทศ เป็นต้น นอกจากนั้นเกษตรกรเกือบครึ่งมีปัญหาเรื่องไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งทำให้เค้าเสียโอกาศในการได้รับการสนับสนุนจากรัฐ คนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ไม่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือ และมีเกษตรกรบางส่วนมีที่ดินทำกินไม่เพียงพอ หรือบางกลุ่มไม่มีที่ดินทำกินเลย กำลังซื้อของประชาชนในต่างจังหวัด ตกต่ำจนถึงขีดสุด พ่อค้าแม่ขาย ขายของไม่ได้ ยอดขายตกลงกว่าครึ่ง แม้แต่ร้านขายทอง ร้านขายยา ปัญหานี้เป็นปัญหาที่รอการสะสางรอการแก้ไข
พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะเป็นผู้อาสานำปัญหาเหล่านี้ไปกำหนดนโยบาย ผนึกกำลังพี่น้องประชาชนทั้งหลายร่วมกันรับผิดชอบแก้ปัญหาดังต่อไปนี้และประสงค์ให้เป็นวาระแห่งชาติ วันนี้ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้นำปัญหาเหล่านี้นำเสนอต่อ “คณะกรรมการนโยบายพรรครวมพลังประชาชาติไทย” เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคจากปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง และต่อจากนี้จะมีกิจกรรมการเดินคารวะแผ่นดินต่อไปในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานในลำดับต่อไป