ปชป. ค้านบัตรเลือกตั้งไร้โลโก้

อลงกรณ์ พลบุตร

“อลงกรณ์” จี้กกต.ทบทวนบัตรเลือกตั้งไร้โลโก้ ซัดไม่ยึดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ-กฎหมายเลือกตั้ง ฮึ่มปลุกทุกพรรคการเมืองร่วมต้าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะไม่ใส่ชื่อและโลโก้พรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้งใหม่นั้น เหตุผลที่ กกต.อ้างความไม่สะดวกในการพิมพ์ และการจัดส่งบัตรเลือกตั้งให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมีน้ำหนักไม่พอ กกต.ต้องยึดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งเป็นหลักเหนือกว่าปัญหาทางเทคนิค เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและเสมอภาค ตนจึงขอเสนอแนวทางแก้ไข 2 ประการให้ กกต.พิจารณา คือ
1.พิมพ์ชื่อและโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้งเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ใช้บัตรใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือเลือกพรรคนั่นเอง ดังนั้นชื่อพรรคหรือโลโก้ของพรรคจึงเป็นสัญลักษณ์ของ ส.ส.บัญชีราชชื่อ 150 คน และรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง จึงถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของบัตรเลือกตั้ง วิธีนี้ กกต.สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองตามอำนาจหน้าที่ในมาตรา85ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ.2561
2.แก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ.2561 มาตรา48 เพื่อให้เลขประจำตัวผู้สมัครของส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อพรรคเป็นหมายเลขเดียวกันทุกเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งง่ายต่อการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งและจัดส่งบัตรเลือกตั้ง อีกทั้งยังง่ายต่อการจดจำของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง โดยรูปแบบบัตรเลือกตั้งต้องมีชื่อและโลโก้พรรคการเมืองด้วยดังเช่นเคยปฏิบัติมาในอดีต วิธีการนี้ กกต.ต้องเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ
“ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.61 ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับรูปแบบบัตรเลือกตั้งของ กกต. และหากยังไม่ทบทวนก็จะประสานหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆที่มีจุดยืนตรงกันในการแสดงท่าทีคัดค้าน และกำหนดมาตรการดำเนินการร่วมกันต่อไป เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ตามครรลองประชาธิปไตย และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากที่สุด” นายอลงกรณ์ กล่าว