การตักเตือนกันเป็นหน้าที่สำคัญของมุสลิมทุกคน ยิ่งคนเป็นผู้นำยิ่งต้องอาศัยการตักเตือนจากคนรอบข้างเป็นอย่างสูง ถึงขนาดที่อิสลามถือว่าผู้นำที่ดี ต้องมีผู้ช่วยที่กล้าเตือนในสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนผู้นำที่ล้มเหลวคือผู้นำที่คนรอบข้างมีแต่สอพลอ ไร้ความจริงใจ แม้ผู้นำทำสิ่งเลวร้ายก็ยังจะบอกว่าถูกต้องครับผม เหมาะสมครับท่านอยู่อีก
การวิพากษ์ก็อาจเป็นการตักเตือนได้ หากทำโดยมารยาทต่อไปนี้
1. เป็นการวิพากษ์โดยบริสุทธิ์ใจ เพราะคำว่า “นาศีฮัต” มาจากรากศัพท์ที่หมายถึงความบริสุทธิ์ เมื่อมาใช้กับการตักเตือนจึงหมายถึงการตักเตือนที่ออกมาจากน้ำใสใจจริง มิใช่การวิพากษ์ที่มาจากความไม่พอใจส่วนตัวหรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง เพราะถ้ามีเจตนาอื่นแอบแฝง เช่น อยากเด่นอยากดัง ผลบุญที่ควรได้จากการตักเตือนก็ย่อมหายไปและแทนที่จะเกิดความดีงามดังคำเตือน กลับจะเป็นการสร้างความชิงชังรังเกียจมาแทนที่ได้
2. เรื่องที่วิพากษ์ต้องเป็นเรื่องจริงและเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ตามหลักศาสนา มิใช่แค่คนวิพากษ์คิดเอาเองโดยอคติ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจกลายเป็นการป้ายสีใส่ความและการมองคนในแง่ร้ายอย่างปราศจากข้อเท็จจริง อัลลอฮทรงห้ามพฤติกรรมเช่นนี้ไว้ในซูรอฮ อัลหุญุรอต/12 ว่า
يا أيها الذين آمنوا اجتنبوا كثيرا من الظن إن بعض الظن إثم…
โอ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงหลีกห่างการคาดเดาในหลาย ๆ เรื่องเถิด แท้จริงการคาดเดาบางอย่างนั้นเป็นบาป..
3. การวิพากษ์ต้องเป็นไปอย่างสุภาพนุ่มนวล มิใช่ก้าวร้าวระราน เพราะถ้าผู้นำทำผิดจริง ก็คงไม่เลวร้ายดังความผิดของฟาห์โรในอดีต อีกทั้งตัวผู้เตือนก็มิได้ประเสริฐไปกว่านบีมูซาและฮารูนแน่นอน บทเรียนสำคัญคือถึงฟาห์โรห์จะเลวร้ายขนาดฆ่าทารกเสียมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาต้องส่งนบีมูซาและฮารูนไปเตือน พระองค์ทรงสั่งศาสนทูตทั้งสองว่า
اذهبا إلى فرعون إنه طغى فقولا له قولا لينا لعله يتذكر أويخشى (طه: ٤٣-٤٤)
“เจ้าทั้งสองจงไปหาฟาห์โรเถิด แท้จริงเขากระทำการละเมิด จงพูดจากับเขาโดยสุภาพนุ่มนวล เพื่อที่เขาจะได้ระลึกหรือเกิดความหวั่นเกรงขึ้นบ้าง”
4. ควรตักเตือนโดยส่งสารถึงผู้นำเป็นการส่วนตัว เพราะการเตือนโดยประเจิดประเจ้อและทำในที่สาธารณะ อาจเป็นการประจาน تعيير ผู้นำแทน ผลคือคำเตือนไม่ได้รับการรับฟัง และอาจสะท้อนด้วยว่าผู้เตือนมิได้จริงใจต่อผู้นำมากเท่ากับความอยากเด่นดังก็ได้
ท่านศาสนทูตได้ให้คำแนะนำไว้ว่า
من أراد أن ينصح لذي سلطان فلا يبده علانية ولكن يأخذ بيده فيخلو به فإن قبل منه فذاك وإلا كان قد أدى الذي عليه
ผู้ใดประสงค์จะตักเตือนผู้มีอำนาจ ก็จงอย่าทำโจ่งแจ้ง แต่จงพยายามเข้าหาเป็นส่วนตัว แม้นหากเขารับคำเตือน ก็นับว่าประเสริฐ แต่ถ้าไม่รับฟัง ก็ถือว่าผู้เตือนได้ทำหน้าที่ของตนแล้ว
5. ต้องเป็นการวิพากษ์หรือเตือนโดยมุ่งเป้าให้เกิดความดีงามในสังคม มิใช่ทำไปด้วยอารมณ์อยากเห็นความเป็นผู้นำถูกหยามหมิ่น กระทั่งหยิบทุกเรื่องมาโจมตีใส่ไคล้ได้ การวิพากษ์เช่นนี้ไม่ได้ช่วยลดความเลวร้ายและไม่ได้เพิ่มความดีงามในสังคม แต่จะทำให้เกิดความแตกแยกได้ง่ายขึ้น
ศาสนทูตจึงเตือนว่า
من فارق الجماعة واستذل الإمارة لقي الله ولا وجه له عنده (رواه أحمد ٣٨٧/٥ والحاكم في المستدرك ١٠٤/٣)
ผู้ใดแยกตนจากญะมาอะฮ และแสดงการหมิ่นหยามความเป็นผู้นำ เขาจะพบกับอัลลอฮพระผู้เป็นเจ้าในสภาพคนไร้หน้าตา
6. บางทีคำเตือนของเราอาจเป็นหมัน แต่ผู้เตือนก็ต้องคงอยู่ในกรอบวินัยแห่งญะมาอะฮ มิใช่แยกตนเป็นอิสระเพียงเพราะเห็นผู้นำทำสิ่งไม่เหมาะควร เนื่องจากความแตกแยกในสังคมไม่ได้ช่วยให้สิ่งเลวร้ายลดลง แต่กลับจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮจึงย้ำหนักแน่นให้ทุกคนดำรงตนในญะมาอะฮ แม้ผู้นำอาจมีข้อผิดพลาดบกพร่องมากมายก็ตาม
ثلاث من السنة الصلاة خلف كل إمام لك صلاتك وعليه إثمه والجهاد مع كل أمير لك جهادك وعليه شره والصلاة على كل ميت من أهل التوحيد وإن كان قاتل نفسه (رواه الدارقطني والزيلعي في نصب الراية)
สามอย่างถือเป็นซุนนะฮ หนึ่ง ละหมาดตามหลังอิหม่ามทุกคน (ไม่ว่าอิหม่ามจะดีหรือเลว) เพราะผลบุญจากการละหมาดเป็นของท่าน ส่วนบาปเป็นของผู้นำ(ที่เลว) สอง ญิฮาดร่วมกับแม่ทัพทุกคน(ไม่ว่าดีหรือเลว) เพราะผลบุญของการญิฮาดจะเป็นของท่าน ส่วนความชั่วจะตกเป็นของแม่ทัพ(ที่ชั่ว) สาม ละหมาดแก่ศพของมุสลิมทุกคน แม้จะเป็นศพของคนฆ่าตัวตายก็ตาม
ศาสนทูตแห่งอัลลอฮยังบอกอีกว่า
ستكون بعدي هنات وهنات وهنات فمن أراد أن يفرق أمر المسلمين وهم جميع فاضربوه بالسيف كائنا من كان (رواه أبو داود ٤٧٣٦)
หลังยุคของฉัน จะเกิดความอ่อนแอ อ่อนแอ และอ่อนแอมากมาย ดังนั้น ผู้ใดต้องการให้กิจการของมุสลิมต้องแตกแยกกัน ทั้ง ๆ ที่พวกเขารวมกันอยู่ (ภายใต้ผู้นำคนเดียวกัน) ก็จงฟาดเขาด้วยดาบเสียเลย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
เกี่ยวกับผู้เขียน : อิหม่าม ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี ประจำภาคใต้, อิหม่ามมัสยิดบ้านเหนือ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ติดตามงานเขียนของท่านได้ที่ https://www.facebook.com/wisoot.binlateh

ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี ประจำภาคใต้, อิหม่ามมัสยิดบ้านเหนือ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา