อัลจาซีรา/ไอริชไทมส์ -กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้เรียก “นางอัลลิสัน เคลลี่” เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำอิสราเอล มาตำหนิอย่างรุนแรง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งไอร์แลนด์ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมาย “ห้ามการซื้อสินค้าและบริการจากการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลที่ผิดกฎหมาย”
ในแถลงการณ์จากสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า มันเป็นความอัปยศที่ไอร์แลนด์ “ประณามรัฐประชาธิปไตยเพียงประเทศเดียวในตะวันออกกลาง”
เจ้าหน้าที่อิสราเอลบอกกับเอกอัครราชทูตว่า ดับลินควร “ให้ความสนใจกับเผด็จการที่ดำทะมึนและองค์กรก่อการร้าย แทนที่จะเป็นอิสราเอลซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยเดียวในตะวันออกกลาง”
“ แทนที่จะประณามซีเรียซึ่งสังหารพลเรือนหลายแสนคน ตุรกีที่ยึดครองทางตอนเหนือของไซปรัส และองค์กรก่อการร้ายที่สังหารชาวอิสราเอลไปหลายพันคน ไอร์แลนด์กลับมาโจมตีอิสราเอลซึ่งเป็นประชาธิปไตยเพียงหนึ่งเดียวในตะวันออกกลาง ช่างเป็นสิ่งที่น่าอับอาย” แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ที่เกรี้ยวกราดผิดปรกติจากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุว่า เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำอิสราเอลถูกเรียกตัวไปที่กระทรวงการต่างประเทศ
ร่างกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าที่ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตในเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง, ที่ราบสูงโกลัน และทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ถูกรัฐบาลอิสราเอลอธิบายว่าเป็นร่างกฎหมายที่ “เสแสร้งและต่อต้านชาวยิว”
“อิสราเอลเจ็บแค้นต่อกฎหมายนี้จากรัฐสภาไอร์แลนด์ ซึ่งบ่งบอกถึงความหน้าซื่อใจคดและต่อต้านชาวยิว” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
เอกอัครราชทูตไอริชประจำอิสราเอลได้รับการเตือนว่าจะส่ง “ผลกระทบร้ายแรง” ต่อความสัมพันธ์ไอริช – อิสราเอล และสถานะของดับลินในภูมิภาคนี้ หากร่างกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าจากดินแดนที่ถูกยึดครองในปาเลสไตน์กลายเป็นกฎหมายบังคับใช้
เมื่อเดือนธันวาคมที่แล้ว สภาสูงของรัฐสภาไอริช (Seanad) ได้ลงมติเห็นชอบในการตัดสินใจนี้ แม้จะมีความพยายามจากสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจยุโรป และอิสราเอลที่จะขัดขวางมัน
ร่างกฎหมายนี้เสนอโดยวุฒิสมาชิกอิสระชาวไอริช “ฟรานเซส แบล็ก” ที่พยายามห้ามการนำเข้าหรือขายสินค้าที่ผลิตโดยนิคมตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายของอิสราเอล
จากนั้นร่างกฎหมายก็ถูกส่งต่อไปยังสภาล่าง (Dail) ซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาไอร์แลนด์ โดยวุฒิสมาชิก “เนียล คอลลินส์” จากพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดคือ Fianna Fail
ในวันพฤหัสบดี (24 ม.ค.) สภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาไอร์แลนด์ได้โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายคะแนน 78-45
หลังร่างกฏหมายผ่าน ฟรานเซส แบล็ค สมาชิกวุฒิสภาอิสระที่ริเริ่มการออกกฎหมายนี้เมื่อปีที่แล้วกล่าวแสดงความยินดี พร้อมเสริมว่า“ ไอร์แลนด์จะยืนหยัดเพื่อกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน และเราอยู่ใกล้อีกขั้นตอนเดียวในการสร้างประวัติศาสตร์”
ร่างกฏหมายยังคงต้องผ่านการตรวจสอบและแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลายขั้นตอนก่อนที่จะมีการลงนามประกาศเป็นกฎหมาย แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มฝ่ายค้านของไอร์แลนด์ทุกคน
หากผ่านไปสู่การบังคับใช้แล้ว กฎหมายนี้จะทำให้ไอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรป ที่ทำให้การค้าขายสินค้าจากนิคมตั้งถิ่นฐานเป็นความผิดทางอาญา