ซีเรีย : ทำไมอัสซาดยังคงอยู่ในอำนาจ?

ฝ่ายปกครองไม่สามารถอยู่รอดได้โดยปราศจากการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนของตัวเอง และไม่ใช่แค่ในหมู่ชนกลุ่มน้อย

ความขัดแย้งในซีเรียได้ย่างเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว และบะชัร อัล-อัสซาด ยังคงอยู่ในอำนาจอย่างท้าทายเหมือนที่เคย ที่จริงแล้ว เขาแสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นหลังจากการผ่านพ้นพายุที่เลวร้ายมากที่สุดมาแล้ว โอกาสที่จะปลดเขาหรือโค่นล้มรัฐบาลของเขาในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยิ่งห่างไกล หลังจากที่สหรัฐฯ หันไปหาการทำลายล้างกลุ่มรัฐอิสลามก่อนเป็นอันดับแรก โดยเก็บเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในซีเรียไว้จัดการในภายหลังโดยไม่มีกำหนด

แล้วทำไมเขาจึงอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะมีความเป็นต่ออย่างท่วมท้น? ทำไมเขาจึงสามารถยืนหยัดกับมหาอำนาจสำคัญของโลกได้ อีกทั้งเพื่อนบ้านที่เป็นปฏิปักษ์อยู่ทุกด้าน และนักรบฝ่ายกบฏติดอาวุธหลายหมื่นคนที่ต่อต้านเขา? การเกิดขึ้นของไอซิซและเครือข่ายก่อการร้ายมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนจุดสนใจของโลกไปจากการปกครองของเขา และหันไปสนใจหาวิธีการรับมือกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลกอย่างแท้จริงที่จะเกิดจากกลุ่มนี้

รัสเซีย, อิหร่าน และฮิซบุลเลาะฮ์

การสนับสนุนทางการเมือง การเงิน และทางทหารอย่างไม่เปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรที่กระตือรือร้นของอัสซาดอย่างรัสเซีย อิหร่าน และฮิซบุลเลาะฮ์ เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกันในการรักษาเสถียรภาพในการควบคุมดินแดนของเขา ที่จริงแล้ว “กองกำลังภาคพื้นดิน” โดยตรงของฮิซบุลเลาะฮ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้เพื่อยึดคืนพื้นที่ซึ่งฝ่ายกบฏได้ไปในหลายแนวยุทธศาสตร์ รวมทั้งการรักษาศูนย์กลางประชากรในเมืองสำคัญ ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทั้งหมดหรือบางส่วน ยกเว้นเมืองรอกกอที่ตกอยู่กับไอซิซหลังจากถูกฝ่ายกบฏยึดไปในปี 2013

นอกจากสองปัจจัยสำคัญเหล่านี้แล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งอันดับสามที่มักจะถูกมองข้ามไปหรือไม่ถูกรายงาน เพราะมันไม่เข้ากันกับสำนวนและเนื้อเรื่องที่ถูกสร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายชาติที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลซีเรีย หรือองค์กรสื่อใหญ่ๆ ระดับโลก กุญแจสำคัญสู่การทำความเข้าใจความลับของการอยู่ยืนยาวของรัฐบาลนี้ก็คือ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องที่อัสซาดได้รับจากประชากรกลุ่มใหญ่ของซีเรีย ถึงแม้ว่าชาวซีเรียจำนวนมากจะทำเช่นนั้นเพราะความกลัวทางเลือกอื่นก็ตาม

ความนิยมของประชาชนในตัวอัสซาด

สิ่งที่ไม่ค่อยเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางก็คือ ก่อนที่จะเกิดการจลาจลในปี 2011 อัสซาดคือประธานาธิบดีที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างแท้จริง ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากฝ่ายต่างๆ ของสังคมซีเรียส่วนใหญ่ เขาทำได้แม้กระทั่งขับรถเองและเดินไปในตลาดโดยมีผู้รักษาความปลอดภัยเพียงน้อยนิด และมักจะดึงดูดฝูงชนที่นิยมชมชอบเขาได้กลุ่มใหญ่เสมอ ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างการโฆษณาชวนเชื่อเช่นนี้ขึ้นในซีเรีย เหมือนอย่างที่เป็นในการปกครองแบบเผด็จการอื่นๆ ส่วนใหญ่

แต่อารมณ์ความนิยมชมชอบนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นต่อต้านเขาและการปกครองของเขา เมื่อการปฏิวัติอาหรับสปริงครั้งแรกได้เป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มเกิดการประท้วงแพร่ไปทั่วซีเรีย และถูกปราบปรามอย่างรุนแรง โดยที่มีประชาชนถูกยิงและเสียชีวิตบนท้องถนน นั่นคือจุดต่ำสุดของการสนับสนุนรัฐบาล โดยมีผู้จงรักภักดีตัวจริงเท่านั้นที่ยังคงสนับสนุนฝ่ายที่กำลังพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด พนักงานและเจ้าหน้าที่ในกองทัพจำนวนมากสละเรือเพราะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่ามันกำลังจะจมลงอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามกันกับสิ่งที่ถูกป่าวประกาศในขณะนั้นโดยกลุ่มทุนต่างๆ ทั่วโลก และการคาดการณ์ของกระแสสื่อที่ไม่สิ้นสุด กับ “ผู้เชี่ยวชาญ” ว่ามันจะเป็นเดือนนี้หรือเดือนหน้า

เมื่อมองย้อนกลับไป นี่เป็นแค่อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ชาวซีเรียและความเห็นสาธารณชนทั่วโลกถูกเล่นตลกและถูกทำให้เข้าใจผิดไป และความขัดแย้งนี้ได้ก้าวรุกต่อไป และ “ถูกปล้น” ไปจากความเคลื่อนไหวเพื่อการประท้วงของมหาชนเข้าสู่สงครามกลางเมืองที่ยุ่งเหยิงและสร้างความเสียหาย ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่การประท้วงเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน จะสามารถกำจัดการปกครองที่ทรงอำนาจ แผ่ครอบคลุม และชาญฉลาดอย่างไร้ความปรานีไปได้โดยปราศจากการแทรกแซงทางทหารจากภายนอก นักวิเคราะห์ตะวันออกกลางที่ทำงานอย่างคุ้มค่าควรจะบอกคุณได้ในเรื่องนั้น

การประท้วงโดยสันติถูกบดขยี้

ที่จริงแล้ว การประท้วงของมหาชนถูกบดขยี้สำเร็จไปในฤดูร้อนปี 2011 แล้ว และกองทัพซีเรียได้เข้าไปจัดการให้อำนาจรัฐบาลอยู่ในสภาพเดิมในทุกเมืองที่แข็งข้อด้วยกำลัง การประท้วงโดยสันติของชาวซีเรียส่วนใหญ่จึงสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าชาติต่างๆ ที่ลงทุนไปอย่างหนักกับการกำจัดรัฐบาลนี้คิดไปอีกอย่างหนึ่ง และเหตุการณ์ต่อไปได้เริ่มต้นขึ้น นั่นก็คือ การกบฏและการติดอาวุธที่ได้รับเงินทุนและการสนับสนุนจากพวกเขา ขณะเดียวกัน เรื่องเล่าของสื่อและของทางการที่แพร่หลายไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปขณะที่ความรุนแรงในซีเรียยกระดับสูงขึ้น และการปะทะกันของประชาชน (ที่ได้รับการส่งเสริมและบำรุงจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่) ได้แผ่คลุมไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม มันเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า กลุ่มหัวรุนแรง กลุ่มแบ่งแยกนิกาย และกลุ่มนักรบญิฮาด กำลังเพิ่มสูงขึ้นและมีอำนาจสำคัญในฝ่ายกบฏ

เรื่องนี้ถูกล้างความผิดอีกครั้ง เพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องของ “ฝ่ายปกครอง ปะทะกับ ประชาชนของตัวเอง” ถึงแม้ว่าในขณะนี้ประชาชนเหล่านั้นส่วนใหญ่กำลังถูกต้อนหันไปหาฝ่ายปกครอง เพราะพวกเขาถูกแปลกแยกโดยความรุนแรงของสงคราม การทำลายล้าง ความบ้าคลั่ง และความนิยมสงครามของกลุ่มกบฏต่างๆ มากมาย

การที่ประชาชนหันกลับไปสนับสนุนรัฐบาล เป็นผลที่หลีกเลี่ยงของการก่อกบฏที่ล้มเหลวและหมดหนทาง ซึ่งขณะนี้ได้ก่อกำเนิดกลุ่มหัวรุนแรงสุดขั้วอย่างเช่น ไอซิซ และกลุ่มอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กันอัล-กออิดะฮ์ นี่ย่อมไม่ใช่การจะกล่าวว่าฝ่ายปกครองซีเรียไม่ได้ดึงเครื่องมือในการขัดขวางทุกอย่างออกมาใช้เพื่อรับรองความอยู่รอดของมัน และในการต่อสู้กับสงครามในเมืองที่มีกำลังพลจำกัดก็ได้ใช้กำลังขนานใหญ่และความรุนแรงอย่างไม่เลือกหน้า ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนเป็นจำนวนมาก

อาชญากรรมสงครามเหล่านี้ถูกจัดเป็นเอกสารไว้อย่างดี แต่มีความแตกต่างสำคัญที่จะต้องแยกไว้ ณ ที่นี้ ฝ่ายปกครองซีเรียมุ่งเป้าไปที่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ ไม่ได้เจาะจงกลุ่มของประชาชน ประเด็นนี้มองเห็นได้เมื่อประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นหนีการต่อสู้เข้าไปยังพื้นที่ของรัฐบาลที่ปลอดภัยกว่า โดยที่มีเหตุการณ์แก้แค้นน้อยมาก

ตัวอย่างที่ดีของการหันกลับไปให้การสนับสนุนนี้ก็คือชนกลุ่มน้อยอิสมาอิลี ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่หนาแน่นในเมืองซาลามิเยห์ ในฮามา ซาลามีเยห์เคยเป็นพื้นที่สำหรับการประท้วงโดยสันติของประชาชนเมื่อแรกเริ่มของการจลาจล แต่ไม่มีเรื่องเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ที่จริงแล้วตอนนี้ ซาลามีเยห์เป็นปราการสำคัญของฝ่ายปกครองที่คุยปกป้องเส้นทางขนส่งเสบียงไปทางเหนือ และมักจะถูกโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายกบฏอยู่เสมอ รวมทั้งการโจมตีประเภทที่แปลกที่สุด นั่นก็คือการกราดยิงใส่พื้นที่ของพลเรือน

การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกในหมู่ชาวอิสมาอิลีจากการเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียมาเป็นผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะที่คล้ายกันนี้ในหมู่ชนกลุ่มน้อยสายศาสนาของซีเรีย และกลุ่มก้อนที่ดีของซุนนีชนกลุ่มใหญ่ที่กลัวว่าจะสูญเสียวิถีชีวิตแบบเคร่งครัดแต่อยู่ในสายกลางแล้วกลายไปเป็นสายสุดโต่ง

ในทางตรงข้าม มันหมายความว่า สิ่งตรงข้ามกันคือเรื่องจริงสำหรับฝ่ายกบฏและฝ่ายต่อต้านที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างพอประมาณแต่ไม่ลงรอยกัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่นักรบของพวกเขาถอนตัวออกมา ในกรณีของกลุ่มนักรบญีฮาดเช่นไอซิซ และอัน-นุสรอ (ซึ่งมีนักรบส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวซีเรีย และเป็นกลุ่มหัวรุนแรงสุดขั้ว) การสนับสนุนของประชาชนได้มาจากความกล้าหาญในสนามรบ และความสามารถในการให้บริการขั้นพื้นฐาน ความช่วยเหลือ และกฎหมายและกฎระเบียบระดับต่ำสุด

ทั้งหมดเหล่านี้คือการกระทำที่ฝ่ายต่อต้านในซีเรียที่ตะวันตกกระแสหลักหนุนหลัง และเครือข่ายที่ไม่แนบสนิทของมันแต่เป็นกลุ่มกบฏ “สายกลาง” ทำไม่สำเร็จอยู่เสมอ เป็นการทำลายการสนับสนุนของพวกเขาและทำให้เกิดกลุ่มหัวรุนแรงที่มีอำนาจมากยิ่งขึ้น

การสนับสนุนอัสซาดในอาเลปโปและดามัสกัส

การปกครองหนึ่งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนในหมู่ประชาชนของตัวเองเลย จะไม่สามารถอยู่รอดในหลายปีของสงครามกลางเมือง ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน หรือจะได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศมากเพียงใด มันค้านกับหลักตรรกะทั้งหมด ประชากรชาวซีเรียส่วนใหญ่ที่ยังคงอยู่ในประเทศยังคงสนับสนุนฝ่ายปกครอง หลายกลุ่มมาจากชนกลุ่มน้อยทางศาสนาที่มากมายและหลากหลายของซีเรีย แต่จำนวนมากก็มาจากประชากรซุนนีในเมืองใหญ่และเมืองสากลอย่างเช่น ดามัสกัส และอาเลปโป

นี่คือสถิติที่น่าตกใจหลังจากสามปีของสงครามกลางเมือง และไม่ใช่สถิติที่คุณน่าจะได้อ่านเจอในข่าวเร็วๆ นี้ ที่แย่กว่านั้น ถ้าคุณอยู่ในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งในซีเรียจะถูกตีกรอบโดยเครือข่ายสำนักข่าวแพนอาหรับที่สนับสนุนฝ่ายกบฏอย่างแข็งขันซึ่งกลุ่มประเทศอ่าวเป็นเจ้าของ ว่าเป็นประเด็นแบ่งแยกนิกายระหว่างซุนนีกับชีอะฮ์ เรื่องนี้ช่วยสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และรักษาความคิดเห็นของประชาชนชาวอาหรับที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมซุนนีให้อยู่ฝ่ายรัฐบาล

การแตกแยกของซุนนี

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะมีมิติของการแบ่งแยกนิกายอยู่ในความขัดแย้งของซีเรีย และมีการแบ่งขั้วกันภายในสายเหล่านั้นก็ตาม กองทัพซีเรียส่วนใหญ่ประกอบด้วยทหารเกณฑ์ที่เป็นซุนนี ขณะที่มีอาสาสมัครซุนนีจำนวนมากในกลุ่มกำลังรบกึ่งทหารที่สนับสนุนกองกำลังประจำของรัฐบาลที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทหารอาสาชีอะฮ์ต่างชาติ อย่างฮิซบุลเลาะฮ์ โดยต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่เป็นมุสลิมซุนนีทั้งหมดที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความแตกแยกของซุนนีในซีเรียนี้เองที่อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุดในการกำหนดลักษณะของความขัดแย้ง แต่ถูกมองข้ามไป

สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยังจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นที่ทรงอำนาจมากที่สุดในพื้นที่ และผู้ที่สามารถให้เสถียรภาพได้ หรืออย่างน้อยก็โอกาสของมัน ไม่ว่าจะพร่ามัวเพียงใดก็ตาม ในกรณีของซีเรีย ผู้เล่นตัวนี้บังเอิญเป็นรัฐกลาง ซึ่งด้วยเจตนาและจุดมุ่งหมายทั้งหมดก็คือ รัฐบาลที่กำลังปกครองอยู่นั่นเอง พวกเขามีความเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริงและแน่นอน เพราะฉะนั้น การกำจัดฝ่ายปกครองก็ย่อมเป็นการทำลายรัฐบาลกลางด้วยเช่นกัน การขาดทางเลือกสำคัญที่น่าเชื่อถือตัวใดไป ย่อมหมายถึงสถานะรัฐที่ล้มเหลวของซีเรียที่ยุ่งเหยิงอยู่กับความขัดแย้งภายในไปอีกหลายสิบปี

อันตรายของการล่มสลาย

การล่มสลายของส่วนกลางนี้ย่อมทำให้อาจจะได้เห็นกลุ่มนักรบญีฮาดเข้ามาเติมเต็มที่ว่างเกือบจะแน่นอนเช่นกัน ทำให้เกิดรัฐขนาดเล็กของกลุ่มหัวรุนแรงที่ทรงอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีก เป็นพื้นที่บ่มเพาะในอุดมคติและเป็นศูนย์ส่งออกคนคลั่งการก่อการร้าย คุณก็สามารถเห็นภาพได้ นี่ไม่ใช่แง่มุมที่ชาวซีเรียส่วนใหญ่จะยินดีต้อนรับ และไม่ใช่แง่มุมที่ผู้อยู่เบื้องหลังที่ทรงอำนาจที่สุดของฝ่ายต่อต้านและฝ่ายกบฏ ซึ่งก็คือสหรัฐฯ ต้องการจะเห็นอย่างแท้จริง ในทางตรงกันข้าม มันเป็นผลที่ยอมรับได้สำหรับคนอื่นๆ อย่างเช่นอิสราเอล ตุรกี ซาอุดี้ฯ และกาตาร์ ซึ่งถูกครอบงำด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าอาจจะเกิดหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อชาตินั้นตามมาภายหลังการล่มสลายอย่างโกลาหล และส่งผลกระทบกระเทือนในวงกว้างอย่างลึกซึ้ง

เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเช่นนี้มีผลดีต่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับอิทธิพลและอำนาจครอบงำของอิหร่านในตะวันออกกลาง ซึ่งในกรณีของกลุ่มประเทศอ่าวและอิสราเอล มองว่ามันเป็นภัยคุกคามที่ยังคงอยู่อย่างแท้จริง ซีเรียที่แตกแยกจะไม่ยอมรับอิหร่านเป็นพันธมิตรสำคัญ และทำให้พวกเขาสามารถแผ่อิทธิพลทางภาคเหนือและภาคใต้ของซีเรียได้โดยผ่านนักรบฝ่ายกบฏตัวแทนของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจะสามารถจัดหาที่อยู่หรือทำข้อตกลงกับกลุ่มหัวรุนแรงในระยะยาวได้ อย่างน้อยนั่นก็คือเหตุผลที่ไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา กลุ่มหัวแข็งที่เห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเองนี้เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญในการบรรลุไปสู่ความสงบนิ่งทางการเมืองที่ยืนยาวของความขัดแย้งนี้

เสถียรภาพ การบริการ และรายได้

ท่ามกลางความหวาดกลัวและความไม่แน่ไม่นอนนี้ เราไม่สามารถที่จะมองข้ามความยึดโยงทางจิตวิทยาและทางปฏิบัติที่ชาวซีเรียจำนวนมากมีต่อรัฐบาลกลางที่ยังคงดำเนินการเพื่อให้บริการแก่สาธารณชน อย่างน้อยก็ในระดับต่ำสุดไปได้ ทั้งข้าราชการพลเรือนและสถาบันต่างๆ ของรัฐที่ประกอบด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อย สาธารณสุขฟรี การศึกษา รวมถึงเงินเดือนและเงินบำนาญที่ให้แก่ข้าราชการพลเรือนและลูกจ้างของรัฐหลายแสนคน รูปการเป็นเช่นนี้แม้แต่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตของฝ่ายต่อต้านหรือไอซิซ สำหรับหลายครอบครัว นี่คือแหล่งรายได้เดียวของพวกเขา

ซีเรียเป็นชาติที่มีความแตกแยกในแนวภูมิประเทศและแนวประชากร และการต่อสู้ทำให้เกิดความดื้อดึงมากขึ้นเท่าไหร่ ความแตกแยกเหล่านั้นก็ยิ่งร้าวลึกลงไปเท่านั้น ไม่มีแง่มุมในความเป็นจริงว่าฝ่ายใดจะได้ชัยชนะทางทหารในเวลาอันใกล้นี้ ในระหว่างนั้น ชะตากรรมของประชาชนคนธรรมดาชาวซีเรียก็ดำเนินต่อไปอย่างสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น ขณะที่กลุ่มหัวรุนแรงถือประโยชน์จากความวุ่นวายเพื่อเพาะหว่านความรุนแรงเข้าไปสู่ระดับอุตสาหกรรม

ทางออกเดียวสำหรับความขัดแย้งนี้ยังคงเป็นเหมือนที่ถูกกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก นั่นก็คือ การเจรจาเพื่อความสงบนิ่งทางการเมือง หนทางเดียวที่จะบรรลุถึงสิ่งนั้นก็คือการนั่งลงและพูดคุยกับรัฐบาลที่กำลังปกครองอยู่ ไม่ว่ามันจะดูไม่น่ารื่นรมหรือจะมีข้อถกเถียงกันมากเพียงใดก็ตาม เพราะไม่ว่ามันจะมีการกระทำที่เลวทรามอย่างไร รัฐบาลที่กำลังปกครองอยู่นี้ก็เป็นตัวแทนของรัฐกลาง กองทัพซีเรีย และประชาชนชาวซีเรียกลุ่มก้อนใหญ่พอสมควร รวมทั้งผลประโยชน์ของพวกเขาด้วย

มันคงเป็นความโง่บัดซบที่จะทำไม่รู้ไม่เห็นต่อทั้งหมดนี้ แล้วเอาแต่ผลักดันเรื่องราวเดิมๆ ต่อไปแบบสายตาสั้นที่ไม่ได้นำพาเราไปถึงไหนสักแห่งนอกจากความรุนแรงที่มากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาทุกด้านแล้ว คนที่คุณจะเจรจาด้วยเพื่อยุติสงครามก็คือศัตรูของคุณ ไม่ใช่มิตรของคุณ

 

แปล/เรียบเรียงจาก http://www.middleeasteye.net
เขียนโดย Edward Dark