ชาวปาเลสไตน์เดินหน้าชุมนุมขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนอิสราเอล – กาซา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญต่อต้านการยึดครองของอิสราเอลและเรียกร้องสิทธิการหวนคืนสู่มาตุภูมิ (Great March of Return) ที่เปิดตัวเมื่อหนึ่งปีก่อน ขณะที่ผู้ประท้วงกล่าวว่าถูกทหารอิสราเอลเสียชีวิตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน อาร์ทีรายงาน
ชายชาวปาเลสไตน์อายุ 21 ปีเสียชีวิตในโรงพยาบาลในวันเสาร์ (30 มี.ค.) หลังจากถูกยิงขณะประท้วงใกล้ชายแดนรั้วเมื่อคืนก่อน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซากล่าว
ด้านกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) บอกกับสื่อว่า ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ก่อนหน้านี้กองทัพรายงานว่าได้เข้าโจมตี “กองกำลังทหารของฮามาส” ในฉนวนกาซา และกล่าวว่าผู้ก่อการร้ายกำลังขว้างระเบิดในระหว่าง “การจลาจล” ใกล้ชายแดน
ในขณะเดียวกันผู้ประท้วงหลายพันคนที่ถือธงปาเลสไตน์ได้รวมตัวกันข้ามรั้วชายแดนเพื่อเป็นสัณลักษณ์บอกเพิกถอนการยึดครองของอิสราเอลต่อเวสต์แบงก์ และ ฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม
ชาวปาเลสไตน์หลายกลุ่มพยายามที่จะทำลายรั้วชายแดน ในขณะที่กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง
วันเสาร์นี้ (30 มี.ค.62) เป็นวันครบรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่มีการเปิดตัวการประท้วงครั้งใหญ่เรียกร้องสิทธิการหวนคืนสู่มาตุภูมิ (Great March of Return) การเผชิญหน้ากันเป็นเวลานานหลายเดือนกับ IDF ทำให้ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 189 คนเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน
การประท้วงทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตัดสินใจของเขาที่จะย้ายสถานทูตอเมริกันจากเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเล็ม นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาของเขาที่จะยอมรับว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ขั้นตอนนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลอิสราเอล แต่ปาเลสไตน์ประณามอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังได้รับปฏิกิริยาตอบโต้ที่หลากหลายจากพันธมิตรตะวันตกของวอชิงตันซึ่งชี้ให้เห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความตึงเครียดในภูมิภาคเท่านั้น
