ตุรกีมีผลประโยชน์อะไรในอิรัก-ซีเรีย และการแสดงออกทางนโยบายในภูมิภาค

เมื่อตุรกีตัดสินใจส่งทหารเข้าไปใน ซีเรีย -อิรัก เพื่อที่จะต่อสู้กับกองกำลังต่อต้านรัฐบาลหรือเป็นแนวทางการเมืองในแบบ เซคคิวลาร์ของตนเอง 

เมื่อรัฐบาลตุรกีอนุมัติลงความเห็นให้เป็นไปในทิศทาง เดียวกัน  ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม โดยสนับสนุนนโยบายกำหนดเขตห้ามบิน  No fly Zone ในน่านฟ้าของซีเรียนั้น การแสดงออกในแบบของตุรกีครั้งนี้ ยิ่งเป็นการสร้างความตึงเครียดมากขึ้นในภูมิภาคนี้  ผู้นำอิรัก คนปัจจุบัน เตือนตุรกีว่าการกระทำของตุรกีจะเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศ แต่ตุรกีอ้างเหตุผลว่าต้องการปกป้องเมืองโคบานี (Kabane) ที่อยู่ติดกับชายแดนของตุรกี ซึ่งในเวลานี้ที่ตกอยู่ในมือของกองกำลัง  IS

ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือน ตุลาคม  การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาคอาหรับ ทำให้ประชาชนจำนวน  160,000 คนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ดได้หนีออกจากเมือง โดยในหมู่บ้านเต็มไปด้วยธงดำของ IS กระพือเต็มไปหมดในภาคตะวันออกของเมือง

มีข้อเสนอเกี่ยวกับการใช้กำลังภาคพื้นดินของตุรกี โดยเห็นว่า การใช้กำลังทางอากาศไม่เพียงพอที่จะเอาชนะ ดังนั้นกำลังภาคพื้นดินจึงเป็นสิ่งจำเป็นในซีเรีย ความต้องการของตุรกีคือการสร้างความปลอดภัย และแสดงออกถึงความเป็นกลาง ในเวลาที่ FSA จะให้ความสมดุลในกรณีสงครามนั้นคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ในขณะที่ความต้องการโค่นรัฐบาลบาชาร์ อัซซาด ก็ยังคงมี และการที่  FSA  ได้ปฎิเสธการรับรองในการกระทำของสหรัฐที่โจมตีฐานที่มั่นของ ISIS ในอิรักเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที

แต่ตามการรายงาน กองทัพตุรกีก็ไม่ได้ มีการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลซีเรียหรือให้ความช่วยเหลือชาว เคิร์ด จนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม กองกำลังตุรกีตรึงกำลังเรียงรายอยู่บริเวณชายแดนรอดูสถาณการณ์มากกว่า

การเคลื่อนย้ายยุทธวิธีของกองทัพตุรกี 

ทั้งเคิร์ดและ IS ต่างต้องการพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองโคบานี แต่ในความสัมพันธ์ระหว่าง ชาวเคิร์ดในซีเรียกับตุรกียังคงเป็นสัดส่วนทางการเมือง ของกลุ่มพรรคการเมืองทั้ง อย่าง The Kurdish democratic union party of Syria กับ  Kurdish workers party  ในตุรกี ความสัมพันธ์แบบมีนัยยะระหว่างกัน เมื่อสงครามกลางเมืองในซีเรียยาวนานมาหลายปี  ชาวเคิร์ด กลับมาเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านกลุ่มรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลตุรกีควรที่จะพิจารณาในเรื่องนี้

ในส่วนสภาวะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการเมืองกับรัฐบาลเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรักในช่วงเวลาที่สหรัฐบุกอิรักในปี 2003 ตุรกีกลับไม่ให้การสนับสนุนการจัดตั้งรัฐอิสระแก่ชาวเคิร์ดทั้งที่มีการ ลงทุนทางด้านทรัพยากร มีการผลิตน้ำมันจำนวนมาก คิดการส่งออกเป็นมูลค่า 12,000 พันล้าน นอกจากเส้นทางการขนส่งน้ำมันในอิรัก เส้นทางผ่านซีเรียตุรกีก็ใช้ในการลำเลียงทรัพยากรด้วยเช่นกัน แต่มาหยุดดำเนินการตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในซีเรีย  ยิ่งกลุ่ม IS ต้องการพื้นที่ทางตอนเหนือก็ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตุรกีพอสมควร ทางตอนเหนือของอิรักเป็นเขตที่เรียกได้ว่ามีทรัพยากรน้ำมันมหาศาล ฉะนั้นแล้วยุทธศาสตร์ตามแนวชายแดนของตุรกีที่มีต่ออิรักและซีเรียสามารถที่ จะเลือกปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก

อีกด้านหนึ่งกองกำลัง   IS  ต้องการเมือง  อิรบิล (Irbil)  ซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเคิร์ดที่ได้รับการแทรกแซงทางการเมืองของ พรรคเคิร์ดในตุรกี  และได้รับการปกป้องจากการโจมตีของกองกำลังทางอากาศที่นำโดยสหรัฐจึงทำให้ เมืองนี้รอดพ้นจากการยึดครองจาก IS เป็นเรื่องที่น่าเข้าใจว่า ทำไมบางเมืองในอิรัก-ซีเรีย ต้องถูกปกป้องและได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และพันธมิตร   ฉะนั้นแล้วตุรกีรวมถึงสหรัฐฯ ที่เป็นพระคุณกับรัฐบาลตุรกีในการสร้างพันธมิตรระหว่าง เคิร์ดในตุรกี กับ เคิร์ดในอิรัก  แต่ เคิร์ดในอิรักกล่าวตำหนิ รัฐบาลตุรกี ว่าให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาล การกำหนดเป้าหมายการโจมตีในอิรัก-ซีเรีย เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว  จากนั้นผู้นำตุรกีก็มีการเจรจาปล่อยตัวนักโทษ อันเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ระหว่างกลุ่ม IS เป็นการตอบแทน

ทันทีหลังจากที่รัฐบาลตุรกีเสนอนโยบายส่งกำลังทหาร เข้าไปในอิรัก-ซีเรีย เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับรองประธานาธิปดี โจเซฟ ไบเดน บอกมาว่า กลุ่มก่อการร้ายที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นเหมือนการส่งเสริมให้กันและกันในเชิงคำพูด   การนำเสนอของรองประธานาธิปดีสหรัฐฯที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด กล่าวถึง พฤตินัยของรัฐบาลตนเอง ทั้งในเรื่องนโยบายในภูมิภาค เช่น ตุรกี ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์  อันเป็นพันธมิตร ปัญหาใหญ่สุดเวลานี้คือ ซีเรีย นั่นคือพวกเขาต้องการล้มรัฐบาล บาชาร์ อัซซาด  จึงนำมาสู่นโยบายสร้างกลุ่มต่อต้าน  “จีฮัด อัลนุสรอ” ที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียในเวลานี้

นัยยะแห่งคำพูดของ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงว่า ไม่สามารถหยุดนโยบายของตุรกีที่จะส่งกำลังทหารเข้าไป อาจจะเป็นการนำคนเข้ามาอยู่บริเวณชายแดนมากเกินไป  แต่ในเวลาที่ ตุรกี ประเทศซุนนี เพิ่งจะคิดออกว่า  IS เป็นเหมือนภัยคุกคามโดยตรงของตุรกี และต้องการให้พันธมิตรในอาหรับของสหรัฐฯ หยุดการสนับสนุนกลุ่มจีฮัดทั้งหมด

อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ในตุรกีกล่าวว่า รัฐบาลตุรกีเคยให้การสนับสนุนกลุ่ม Nusra Front เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า นักรบที่ผ่านตุรกีเข้าไปในซีเรียมีจำนวนมาก ประธานาธิบดีของสหรัฐฯพยายามกล่าวคำพูดให้กลบเกลื่อน  และบทบาทที่เล่นด้วยกันของพันธมิตรในการส่งเสริมสนับสนุน แต่ในเวลานี้กลับไม่ใช่  พวกเขาเหมือนต้องการที่จะลบทำลาย IS เพราะข้อมูลจาก นิวยอร์คไทม์ ระบุว่า สหรัฐฯ จ่ายเงินให้ทหาร นักรบต่อต้านรัฐบาลนับหมื่นคน  และเมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติงบประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการระดมทุนช่วยกบฏซีเรีย  กระสุนที่ใช้ทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ พันธมิตร และยึดได้จากเคิร์ดและกองทัพอิรัก

รัฐบาลสหรัฐมีบทเรียนเกี่ยวกับการฝึกอบรมกลุ่มต่อ ต้านซีเรียในแผ่นดินของซาอุดิอาระเบีย จากนั้นก็จะเดินทางเข้าไปยัง ซีเรียเพื่อโคนบาชาร์ อัซซาด  รวมถึงการเตรียมการให้ฝ่ายค้านในซีเรีย และการกล่าวถึงความโหดร้ายของการปกครองระบอบอัซซาด

สิ่งที่รัฐบาลตุรกีได้กระทำเป็นเรื่องที่สามารถ ดำเนินการเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศตนเอง การสนับสนุน หรือว่า ต่อต้านอันเป็นผลต่อประเทศชาติ นับว่าเป็นหนึ่งในมหาอำนาจในภูมิภาค ประเทศมุสลิมที่ดำเนินงานภายใต้ความเหลื่อมล้ำทางผลประโยชน์ ในภูมิทัศน์ที่ต่างกัน  แต่ในมุมมองของตะวันตกแล้วตุรกีเป็นเหมือนมือที่ยื่นออกมาของวอชิงตัน ในกรณี ปัญหาซีเรีย เหมือนกับแสร้งทำเป็นว่า FSA กำลังต่อต้านรัฐบาลดามัสกัส มีหลายกรณีที่ได้รับการว่าจ้างจากสำนักงานลับในตุรกี และ มีชาวตุรกีรวมรบจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อกระทบผลประโยชน์ การอ่อนยอมอยู่ในอาณัติของตะวันตกเพื่อผลประโยชน์ของชาติก็ต้องยอม

การดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยพร้อมจะถูกจัดจ้างให้เป็นพระเอกหรือผู้ร้ายได้ในเวลาจำเป็น นี่คือวิธีการแสดงออกทางการเมืองในแบบเซคคิวลาร์ของตุรกี !!!