วันนี้ (พฤหัส 17 ต.ค.) นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว กรณี ผู้บัญชาการทหารบก บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ แผ่นดินของเราในมุมองด้านความมั่นคง โดยระบุว่า :
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ แผ่นดินของเราในมุมองด้านความมั่นคง “ ตลอดระเวลาการบรรยายบางตอนได้พาดพิงกล่าวหา นักการเมืองบางคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีการปราศรัยปลุกระดมประชาชน เรื่องศาสนา และแบ่งแยกดินแดน และยังกล่าวหานักการเมืองเหล่านี้ เกาะแข้งเกาะขานายทหารใหญ่ ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อของตน นักการเมืองนี้ได้เป็นใหญ่เป็นโตกันแล้ว
การกล่าวอ้างถึงนักการเมืองดังกล่าว แม้ไม่เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามใคร แต่สังคมทั่วไปรับรู้ว่าเป็นนักการเมืองกลุ่มใด ใหนๆก็ใหนๆแล้ว ผมขอฟังธงเสียเลย ก็นักการเมืองกลุ่มวะห์ดะห์ นั้นแหละ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ผันตัวมาร่วมกันกับนักการเมืองอื่นๆมาจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคประชาชาติ มีท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการพรรค และมีผมรวมอยู่ด้วย แม้ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค และพรรคประชาชาติเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีภารกิจปกป้องผลประโยชน์และช่วยเหลือประชาชนทุกชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินนี้
จำเป็นที่จะต้องชี้แจงตอบข้อกล่าวหาของ ผบ.ทบ.ให้เกิดความกระจ่างแจ้งแก่สาธารณชนทั้งหลายที่ติดตามข่าวนี้ด้วยความสนใจอย่างใจจดใจจ่อ
กลุ่มวะห์ดะห์ได้ก่อตั้งมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2529 เป็นการรวบรวมนักการเมืองระดับปัญญาชนคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดและอุดมการณ์เดียวกันในยุคนั้น โดยมิได้แยกศาสนา มีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นหัวหน้ากลุ่มและเป็นแกนนำหลักในจังหวัดปัตตานี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นแกนนำหลักในจังหวัดยะลา และ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ เป็นแกนนำหลักในจังหวัดนราธิวาส มีวัตถุประสงค์ในการตั้งกลุ่มมีดังนี้
1. เพื่อความเป็นเอกภาพของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย
2. เพื่อพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ของพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศไทย
3. เพื่อพัฒนาสังคมมุสลิมทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา
4. เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกทางการเมืองในแนวทางที่ถูกต้อง
5. เพื่อเผยแพร่ “ ระบอบอิสลาม “ ให้พี่น้องร่วมชาติ ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
6. เพื่อร่วมพัฒนาการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.ในปี 2529 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายปรีชา บุญมี(นับถือพุทธ)
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์กับ นายพิบูลย์ พงศ์ธเนศ(นับถือพุทธ)
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2531 สังกัดพรรคประชาชนได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายปรีชา บุญมี(นับถือพุทธ)
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
จังหวัดกระบี่ นายสมบูรณ์ สิทธิมนต์
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2535/1 สังกัดพรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายมุข สุไลมาน
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ และ นายนัจมุดดิน อูมา
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ นายไพศาล ยิ่งสมาน
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้สมัคร ส.ส. ในปี 2535/2 สังกัดพรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายมุข สุไลมาน
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ นายไพศาล ยิ่งสมาน
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2538 สังกัดพรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายมุข สุไลมาน กับ นายสุดิน ภูยุทธานนท์
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2539 สังกัดพรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายมุข สุไลมาน
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์
จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ นายไพศาล ยิ่งสมาน
* กลุ่มวะห์ดะห์ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 2544 สังกัดพรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.
จังหวัดปัตตานี นายมุข สุไลมาน
จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายนัจมุดดิน อูมา และ นายสุทธิพันธ์ ศรีริกานนท์(ถูกใบแดง)
จังหวัดยะลา นายไพศาล ยิ่งสมาน กับ นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง
ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับ นายสุลัยมาลย์ วงศ์พานิชย์
ข้อที่น่าสังเกตุจะชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มวะห์ดะห์ นับตั้งแต่ตั้งกลุ่มมา ได้ส่งสมาชิกลงในนามพรรคการเมือง มีทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชน และพรรคความหวังใหม่ การที่สมาชิกของกลุ่มได้รับการเลือกตั้งมาหลายๆพรรค แสดงให้เห็นว่า กลุ่มวะห์ดะห์เป็นกลุ่มการเมืองที่เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หมายความว่าอยู่ในพรรคการเมืองใดก็ได้เป็น ส.ส. ไม่จำเป็นต้องอาศัยชื่อเสียงของพรรคหรือบารมีของพรรค ไม่เหมือนนักการเมืองอื่นๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็น ส.ส. โดยอาศัยบารมีพรรคการเมือง เช่น ลงสมัครในนามพรรคการเมืองหนึ่งได้เป็น ส.ส. แต่เมื่อย้ายออกจากพรรคการเมืองนั้นไปอยู่พรรคการเมืองอื่น กลายเป็น ส.ส. สอบตกเป็นต้น
ดังนั้นที่ ผบ.ทบ. กล่าวหาว่า ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์(แม้ไม่เอ่ยนาม) หาเสียงโดยการเอาเรื่องศาสนา แบ่งแยกดินแดนนั้นไม่เป็นความจริง(ดูวัตถุประสงค์การตั้งกลุ่ม) แม้จะปราศรัยในเรื่องศาสนาก็ปราศรัยไปในแนวทางที่กำหนดในวัตถุประสงค์ และวัตถุประสงค์ของกลุ่มในข้อ 6. ชัดเจนว่า กลุ่มวะห์ดะห์ดำเนินงานทางการเมือง “ เพื่อร่วมพัฒนาการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “ ไม่ใช่แบ่งแยกดินแดนตามคำใส่ความของ ผบ.ทบ.
ส่วนที่กล่าวหานักการเมืองกลุ่มวะห์ดะห์ เกาะแข้งเกาะขานายทหารใหญ่เพื่อนพ่อ ผบ.ทบ. อันหมายถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้น ไม่เป็นความจริง การจะได้เป็น ส.ส. ไม่จำเป็นต้องเกาะแข้งเกาะขาพล.อ.ชวลิตฯหรอกครับ พิสูจน์มาแล้ว ลงสมัครสังกัดพรรคการเมืองใหนๆก็ได้เป็น ส.ส. มาแล้ว แต่การร่วมมือกับพล.อ.ชวลิตฯ เพราะมีแนวทางและอุดมการณ์ตรงกันที่จะแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างหาก อุดมการณ์ที่ตรงกันนั้น คือ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและส่งเสริมพหุวัฒนธรรม(พล.อ.ชวลิตฯเจ้าของวาทะกรรมที่ว่า “ แจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้หลากสี ดูแล้วมีความสง่างามกว่าแจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้สีเดียว “)
และ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงและประธานรัฐสภา ได้โดยพรรคพิจารณาตามความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เรียกร้องหรือวิ่งเต้นขอจากใคร แม้เคยมีบางพรรคชักชวนจะให้ไปอยู่ด้วย หากกลุ่มวะห์ดะห์พิจารณแล้ว ไม่ตรงกับจุดยืนของกลุ่ม ทางกลุ่มก็ปฏิเสธ ดังเช่น คราวที่พรรคการเมือง พรรครวมไทย พรรคกิจประชาคม พรรคก้าวหน้า และพรรคประชาชนที่กลุ่มวะห์ดะห์สังกัดอยู่ จะยุบพรรครวมกันตั้งใหม่ในนามพรรคเอกภาพเมื่อปี 2532 ช่วงนั้นพรรคขาติไทยแกนนำรัฐบาลที่มีพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ไปพบกันที่บ้านซอยราชครู ได้พูดจาขอให้ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์เข้าสังกัดพรรคชาติไทย ทางกลุ่มก็ปฏิเสธ แม้นายบรรหาร ศิลปอาชา เลขาธิการพรรคชาติไทย ได้เชิญ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ไปพบที่บ้านจรัญสนิทวงศ์และเกลี้ยกล่อมให้เข้าสังกัดพรรคชาติไทย ทาง ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ยังปฏิเสธ เพราะพรรคชาติไทยแม้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ไม่ใช่พรรคที่อยู่ในใจของกลุ่มวะห์ดะห์แม้แต่น้อย เราเข้าไปรวมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วยกันที่ตั้งขึ้นมาในนามพรรค “เอกภาพ”(ชื่อตรงกับความหมายของวะห์ดะห์)
และช่วงหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(รสช.)ยึดอำนาจรัฐบาลชาติชายเมื่อปี 2534 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายในหนึ่งปี คณะรสช.มีเจตนาจะสืบทอดอำนาจต่อ จึงตั้งพรรคการเมืองเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจในนามพรรคสามัคคีธรรม ขณะเดียวกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลาออกจากราชการทหาร เพื่อตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรคความหวังใหม่ ซึ่งเป็นชื่อตรงกับคำว่า ฮารัปปันบารู อันเป็นชื่อโครงการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของพล.อ.ชวลิตฯสมัยเป็น ผบ.ทบ. อยู่มาวันหนึ่งนายทหารคนหนึ่งในคณะ รสช. ได้เชิญ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ไปพบกันที่ดอนเมือง แต่นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ไม่ได้ไปพบด้วย เพราะติดงานชาวบ้านในพื้นที่ คนที่ไปมีนายเด่น โต๊ะมีนา กับ นายวันมูหะทัดนอร์ มะทา เท่านั้น ทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ขอให้ ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์เข้าไปสังกัดพรรคสามัคคีธรรม แต่เนื่องจากทาง ส.ส. กลุ่มวะห์ดะห์ไปไม่ครบสามจังหวัด จึงขอกลับไปปรึกษาหารืออีกครั้งหนึ่งก่อน และขอตัวกลับไป ขณะที่นายเด่นฯกำลังจะขึ้นรถส่วนตัว มีทหารรับใช้นายหนึ่งเอากระเป๋าสีดำใบหนึ่งที่มีของบบรจุข้างในเต็มกระเป๋าใส่เข้าไปในรถของนายเด่นฯอย่างหน้าตาเฉย เมื่อนายเด่นฯและนายวันมูหะมัดนอร์ฯกลับไปถึงบ้านนายเด่นฯแล้ว ในตอนเย็นวันเดียวกันนายอารีเพ็ญฯถึงกรุงเทพฯ และได้ไปบ้านายเด่นฯตามที่ได้นัดให้ไปพบเพื่อหารือเรื่องการที่นายทหาร รสช. ชักชวนให้เข้าพรรคสามัคคีธรรม ผลสรุปการหารือ ทางกลุ่มวะห์ดะห์ ไม่อาจเข้าไปร่วมงานกับพรรคสามัคคีธรรมได้ เพราะพรรคสามัคคีธรรมเป็นพรรคที่รองรับการสืบทอดอำนาจของคณะ รสช. ซึ่งขัดกับแนวทางประชาธิปไตยอันเป็นอุดมการณ์ของกลุ่ม ทางกลุ่มจึงตัดสินใจร่วมงานกับพรรคความหวังใหม่ที่มีพล.อ.ชวลิตฯนายทหารประชาธิปไตยเป็นหัวหน้าพรรค
สำหรับกระเป๋าสีดำที่บรรจุธนบัตรเต็มกระเป๋าทางกลุ่มไม่ได้เปิดดูแต่อย่างใด และได้นำเอากระเป๋าบรรจุธนบัตรใบนี้ไปคืนให้กับเจ้าของโดยไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อยนิดครับ
เขียนบทความยาวไปหน่อย เพื่อให้ผู้อ่านและ ผบ.ทบ. ทราบว่า นักการเมืองกลุ่มวะห์ดะห์ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยมาตลอด ตั้งแต่การก่อตั้งกลุ่มจนถึงบัดนี้ แม้กลุ่มสลายตัวไปร่วมกันตั้งพรรคการเมืองชื่อว่า พรรคประชาชาติแล้ว แต่อุดมการณ์และจุดยืนของเราไม่เคยเปลี่ยน