เมื่ออเมริกาแสดงความโง่เขลาออกมาด้วยการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งอิหร่านและ อิรัค กลายเป็นการสร้างวีรบุรุษของชาติฝั่งตรงข้ามตนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวิสัยของอาชกรสงครามเริ่มปกปิดความผิดพลาดของตนด้วยการข่มขู่จะถล่ม 52 จุดในอิหร่าน ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานที่ทางวัฒนธรรม เป็นเรื่องน่าขันที่สุดเมื่อมหาอำนาจอย่างอเมริกาข่มขู่คนที่ไม่กลัวตายด้วยความตาย ผลของมันคือทำให้ประชาชนอิรัคและอิหร่านบางส่วนที่มีความหมางใจกันก่อนหน้านี้ รวมถึงประชาชนอิหร่านที่ไม่พอใจฟฤการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้กลับมาเล็งเห็นว่าศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคือใคร และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเมริกามึส่วนในการลอบสังหารบุคคลระดับสูงของรัฐบาลอิหร่าน หลังการปฏิวัติอิสลามอิหร่านในปีค.ศ.1979 อเมริกาลอบสังหารผู้ที่เป็นมันสมองของอิหร่านมามิใช่น้อย หลังจากนั้น1ปียังสนับสนุนอิรัคให้ทำสงคราม8ปีกับอิหร่านในขณะที่อิหร่านไม่มีความพร้อมในทุกๆด้าน แม้อิรัคจะมีอเมริกาและชาติพันธมิตรร่ำรวยหลายชาติให้การสนับสนุน แต่ท้ายสุดของสงครามคือต้องจบด้วยการเจรจาสงบศึก
สงครามหลายครั้งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางอเมริกามักจะหลบอยู่ข้างหลัง โดยเน้นการฝึกทหารท้องถิ่นให้ไปรบกับฝั่งตรงข้าม ไม่ว่าจะฝึกนักรบมูจาฮิดีนไปรบกับสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถาน ใช้ประโยชน์จากกลุ่มไอซิสเพื่อรบกับฝ่ายตรงข้าม ใช้ประโยชน์จากกลุ่มต่อต้านภายในประเทศซีเรียให้ล้มประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด หรือแม้แต่หลอกใช้กองกำลังชาวเคิร์ดให้ลุกขึ้นต่อสู้โดยให้สัญญาว่าจะสนับสนุนในการแบ่งแยกดินแดนที่มีชายแดนครอบคลุม4ประเทศคือ ซีเรีย ตุรกี อิหร่าน และอิรัค และไม่ว่าจะสงครามใดที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนสนับสนุนพันธมิตรหลักในภูมิภาคเช่น ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับชาติอาหรับในช่วงปีค.ศ.1947 หรือให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบียในการรบกับกลุ่มฮูตีในเยเมนจนถึงปัจจุบัน อเมริกาที่คุยนักหนาว่าตนคือมหาอำนาจโลก เป็นพญาอินทรีผู้น่าเกรงขาม กลับไม่เคยได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยการใช้กองกำลังภาคพื้นดิน สิ่งที่อเมริกาแสดงให้โลกเห็นกลับกลายเป็นชาติที่ถนัดแต่การใช้ยุทธวิธีลอบกัดไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองเรียกว่าศัตรู
และดูเหมือนรัฐบาลอเมริกาจะยินดีที่ภารกิจการลอบสังหารครั้งนี้สำเร็จ ราวกับว่านี่คือชัยชนะที่เบ็ดเสร็จของอเมริกาที่มีต่ออิหร่าน ราวกับว่าอิหร่านไม่เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านี้มาก่อน ช่วงเวลา 40 ปีที่ผ่านมาหลังการปฏิวัติอเมริกาพยายามอย่างมากที่จะทำลายอิหร่านให้ย่อยยับ แต่ไม่เคยทำสำเร็จ กลับกันอิหร่านสามารถขยายฐานอำนาจและอิทธิพลในตะวันออกกลางมากยิ่งขึ้น จนเป็นที่หวาดหวั่นของพันธมิตรหลักอเมริกาเช่นซาอุดิอาระเบียและอิสราเอล อเมริกาผู้กำลังลำพองใจว่าตนคือผู้ชนะ แต่แท้จริงแล้วสิ่งทึ่อเมริกาได้จากเหตุการณ์นี้คือความเกลียดชังของประชาชนที่เพิ่มขึ้นทั้งในอิหร่านและอิรัค เป็นความเกลียดชังเดียวกันที่เกิดกับชาวเวียดนามจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของอเมริกาในปีค.ศ.1972 ความเกลียดชังเดียวกับที่ชาวซีเรียมีต่ออเมริกาในสงครามกลางเมืองที่ประเทศซีเรียช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเกลียดชังเดียวกับที่ชาวปาเลสไตน์มีต่ออเมริกาในฐานะผู้ที่สนับสนุนอิสราเอลให้ถล่มบ้านเมืองพวกเขา
เมื่อนายพลกอซิม สุไลมานี และบรรดาผู้เสึยชีวิตทั้งหมด มิใช่ซัดดัม ฮุสเซน มิใช่โมฮัมหมัด กัสดาฟี มิใช่ผู้นำกองกำลังไอซิส ภาพของขบวนศพจึงมีคนเข้าร่วมอย่างมหาศาลจากทั้ง2ประเทศ รัฐบาลอเมริกามิได้ต่อสู้กับรัฐบาลอิหร่านหรืออิรัคเพียงเท่านั้น หากแต่ยังต่อสู้กับหัวใจของประชาชนเจ้าของประเทศอีกด้วย เมื่ออเมริกามิได้เรียนรู้บทเรียนจากอัฟกานิสถาน ลิเบีย อิรัค ปาเลสไตน์ และซีเรีย อเมริกาผู้ไม่เคยเข้าใจหัวใจของนักต่อสู้ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องมาตุภูมิของตนเอง หัวใจของพวกเขาเหล่านั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเหล่าทหารอเมริกาที่ต้องมารบในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านของตนเอง ความห่างไกลจากบ้านและไม่รู้ว่าจะรบไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของอเมริกาในการขยายอำนาจในภูมิภาคนี้อีกครั้ง
แสนยานุภาพทางการทหารที่มหาอำนาจอย่างอเมริกามี การตั้งฐานทัพรอบประเทศอิหร่าน อาวุธนิวเคลียร์ที่อเมริกาครอบครองได้เพียงฝ่ายเดียว รวมไปถึงการมีพันธมิตรที่ร่ำรวยอย่างซาอุดิอาระเบีย พันธมิตรอย่างอิสราเอลที่เข้าไปมีอิทธิพลในองค์กรต่างๆของโลก ไม่เคยทำให้อเมริกาได้รับชนะอย่างเบ็ดเสร็จในสมรภูมิตะวันออกกลาง วัดได้จากการที่อิหร่านยังยืนอยู่ได้ภายใต้การรุมกระหน่ำจากทุกทิศทาง วัดได้จากการที่ประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาดยังได้ใจประชาชนชาวซีเรีย วัดได้จากความพ่ายแพ้อย่างอัปยศของซาอุดิอาระเบียพันธมิตรหลักของอเมริกาที่มีต่อเยเมนประเทศยากจนที่สุดในภูมิภาค อเมริกาครอบครองแต่อาวุธไม่เคยได้ครอบครองหัวใจประชาชนในประเทศที่ตนเองกล่าวอ้างว่าจะเข้าไปช่วยให้มีความเป็นประชาธิปไตยและต่อสู้กับผู้นำที่เป็นทรราชย์ อเมริกาไม่เคยเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา อเมริกาลอบสังหารคนที่ขอพรมาตลอดชีวิตให้ได้ตายในหน้าที่และคิดว่านี่คือชัยชนะ
แด่ อเมริกามหาอำนาจโลกผู้โง่เขลาและพ่ายแพ้มาตลอดในสมรภูมิตะวันออกกลาง