เพรสทีวี – ประธานาธิบดี เรเยพ ตอยยิบ แอร์โดกัน กล่าวว่า ตุรกีอาจเริ่มปฏิบัติการทางทหารในอิดลิบ หากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของกองกำลังรัฐบาลซีเรียต่อผู้การก่อการร้าย ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติยังคงดำเนินต่อไปอีก
แอร์โดกันกล่าวเมื่อวันศุกร์ (31 ม.ค.) ว่าตุรกีจะไม่อนุญาตให้มีการคุกคามใหม่ใกล้กับชายแดน และเสริมว่าตุรกีจะหันไปใช้กำลังทางทหารในเมืองอิดลิบ เช่นเดียวกับที่เคยโจมตีข้ามพรมแดนในภาคเหนือของซีเรียเว้นแต่การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่นี้จะยุติลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ปีที่แล้ว กองทัพตุรกีและกองกำลังติดอาวุธของ “เอฟเอสเอ” (Free Syrian Army – FSA) ที่อังการาอุปถัมภ์ได้เปิดปฏิบัติการรุกข้ามพรมแดนไปยังซีเรียตะวันออกเฉียงเหนือ ในความพยายามกวาดล้างสมาชิกของกลุ่ม YPG ของเคิร์ด
อังการาถือว่า YPG ที่สหรัฐหนุนหลังอยู่ในฐานะองค์กรก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธ PKK (Kurdistan Workers ’Party) ซึ่งแสวงหาเขตปกครองตนเองเคิร์ดในประเทศตุรกีมาตั้งแต่ปี 1984
“ เราจะทำสิ่งที่จำเป็นเมื่อมีคนกำลังคุกคามดินแดนของเรา เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับไปสู่เส้นทางเดิมอีกครั้งหากสถานการณ์ในอิดลิบไม่กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว” แอร์โดกันกล่าวเมื่อวันศุกร์
“เราจะไม่ละเว้นการทำสิ่งที่จำเป็น รวมถึงการใช้กำลังทหาร” เขากล่าว
คำพูดของเขามาในห้วงที่กองกำลังของรัฐบาลซีเรียกำลังบุกโจมตีกองกำลังผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติในเมืองอิดลิบ ฐานที่มั่นใหญ่และสุดท้ายของพวกเขา
อังการานั้นเป็นมหาอำนาจสำคัญของยุโรป และถูกวอชิงตันกล่าวหาว่าช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายในซีเรีย หรือให้ทางผ่านที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาในการเข้าและออกจากประเทศอาหรับแห่งนี้
ตุรกีบุกรุกรานซีเรียถึงสองครั้งในปี 2016 และ 2018 เพื่อขับไล่ชาวเคิร์ดที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายต่อต้านอังการา และยังคงอยู่อย่างผิดกฎหมายในดินแดนซีเรียนับตั้งแต่นั้น
ซีเรียกล่าวว่าสถานะทางทหารของตุรกีในประเทศนั้นผิดกฎหมาย และในที่สุดจะต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาลซีเรีย