พช. ผนึกพลังสตรีอาสา จัดกิจกรรม “รวมพลังสตรีอาสาพัฒนา ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2563

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2563 กรมการพัฒนาชุมชน ได้เตรียมที่จะร่วมแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาสู่การปฏิบัติของประชาชนอยู่แล้ว โดยขับเคลื่อนหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในระดับครัวเรือน ระดับกลุ่มอาชีพ ระดับชุมชน ทั้งยังเดินตามแนวคำสอนที่ทรงดำริไว้ว่า ให้ปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 อย่าง ได้แก่ ปลูกป่าสำหรับไม้ใช้สอย ปลูกป่าสำหรับไม้ผล ปลูกป่าสำหรับเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ สามารถนำไม้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างเพียงพอ และเมื่อทำทั้ง 3 อย่างแล้ว เราจะได้รับอย่างที่ 4 นั่นคือ การอนุรักษ์ดินและน้ำ จึงเรียกได้ว่า ได้ทั้งใช้งาน ดำรงชีวิต และอนุรักษ์ไปด้วยพร้อมกันนั่นเอง

และด้วยเดือนมิถุนายนนี้ ก็เป็นเดือนพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ดังนั้น เพื่อเป็นการเฉลิม พระเกียรติ และเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี กรมการพัฒนาชุมชน จึงจัดกิจกรรม “รวมพลังสตรีอาสาพัฒนา ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ขึ้นทั่วประเทศ จะเป็นกิจกรรมที่แสดงพลังสตรีในการน้อมนำพระราชดำรัส “…สืบสาน รักษา และต่อยอด…” พระราชปณิธานแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระราชทานแก่ราษฎร เมื่อ พ.ศ. 2525 ว่า “…พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันก็จะสร้างป่า” จะเห็นได้ว่า ทรงมีพระราชดำริในการรักษา ฟื้นฟูป่าไม้ ป่าต้นน้ำ รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สร้างความสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรป่าไม้ อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ของคนและสัตว์ รวมถึงประโยชน์ต่อพื้นที่ชุมชนอย่างยั่งยืน ต้องการให้ราษฎรมีความรู้สึกรัก และหวงแหนป่าไม้ ให้มีการช่วยกันปลูกป่าให้มากๆ เพื่อให้สิ่งแวดล้อมของเรามีความสมบูรณ์ อีกทั้งป่าไม้ ยังช่วยลดภาวะโลกร้อน และช่วยให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาลอีกด้วย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้พัฒนาการจังหวัดดำเนินการขับเคลื่อนโครงการรวมพลังสตรีอาสาพัฒนา ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2563 ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยให้พลังสตรีอาสาพัฒนาทุกระดับ ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ในพื้นที่ที่กำหนด ได้แก่ 1. พื้นที่สาธารณะของจังหวัด/อำเภอ 2. พื้นที่ชุมชนขยายผล จำนวน 22 แห่ง 3. พื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” จำนวน 1,500 แปลง และ 4. พื้นที่ของสตรีอาสาพัฒนา ผู้นำ กลุ่ม องค์กร เครือข่าย และประชาชน รวมถึงให้มีการประสานงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการขอรับการสนับสนุนพันธุ์กล้าไม้จากสถานีเพาะพันธุ์กล้าไม้ ทั้งยังให้มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดูแล และบำรุงรักษาต้นไม้ การใช้ประโยชน์จากต้นไม้ด้วย

ในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 นี้ จะเป็นวันแรกของการเริ่มกิจกรรมฯ ดังกล่าว ซึ่งได้กำหนดพื้นที่ต้นแบบไว้ที่จังหวัดชัยนาท โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ปลูกต้นไม้ที่ออกดอกเป็นสีม่วง เช่น ต้นตะแบก อินทนิล และเสลา ที่จะเป็นกิจกรรมในการรวมพลังสตรีอาสาพัฒนา จังหวัดชัยนาท มาร่วมกันปลูกต้นไม้ ณ บริเวณเขาขยาย ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท โดยทุกกิจกรรม ทางกรมฯ ก็ได้เน้นย้ำถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไว้ด้วยเช่นกัน และหวังว่า กิจกรรมนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของป่าไม้ เพราะป่าไม้ไม่เพียงแต่เป็นแค่แหล่งทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น ยังเป็นพื้นที่ใช้สอยให้กับผู้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่อีกด้วย

ก็ขอเชิญชวนให้สตรีทุกท่าน ได้เป็นผู้นำเชิญชวนให้คนในครอบครัว และคนในชุมชน มาร่วมกันปลูกป่ากันให้มากๆ ตลอดทั้งเดือนพระราชสมภพนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกในที่ดินส่วนตัว หรือที่สาธารณะ เพื่อให้สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยเรามีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืนตลอดไป นายสุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย