โรงงานกำจัดขยะที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน คือ บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่นี่นอกจากจะเป็นโรงงานกำจัดขยะ เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าแล้วยังเป็น ศูนย์เรียนรู้โรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ปัญหาขยะล้นโลกเป็นปัญหาใหญ่ที่เพิ่งได้รับการตระหนักถึงเมื่อไม่นานมานี้เอง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการกำจัดขยะในแบบเก่าๆ ดูไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพซักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นการฝังกลบ หรือเผาทำลายที่ไม่ได้มาตรฐานจนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ หรือมหานครแห่งขยะที่อ่อนนุช เขตประเวศก็มักจะเจอปัญหาจากขยะอยู่เป็นประจำ ทั้งปัญหาไฟลุกไหม้ซึ่งเกิดจากการหมักหมมจนสันดาปและกลายเป็นไฟลุกไหม้ใหญ่มาหลายครั้ง หรือน้ำเสียจากมูลขยะที่ไหลลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ การเน่าเหม็นจนก่อให้เกิดสุขภาวะที่เป็นพิษในชุมชน
ปัจจุบันขยะมูลฝอยจากชุมชนส่วนใหญ่ ถูกนำไปทิ้งกองเทเรี่ยราดไร้การจัดการอย่างเป็นระบบ โดย กรมควบคุมมลพิษ รายงานปัญหาขยะตกค้างในกรุงเทพมหานครปี 2560 พบว่าใน 1 วัน มีขยะตกค้างถึง 4.2 ล้านตัน ซึ่งเฉลี่ยสร้างขยะคนละ 1.5 กิโลกรัมต่อวันคนไทยมีจำนวน 65 ล้านคน ใน 1 วัน ทั้งประเทศจึงมีขยะสะสมถึง 74,073 ตัน ดังนั้น 1 ปี ประเทศเราจึงมีขยะตกค้างมากถึง 27.04 ล้านตัน ปริมาณมากเพียงใดให้ลองนึกถึงตึกใบหยกตั้งอยู่ตรงหน้า จำนวน 147 ตึก นั่นคือปริมาณขยะตกค้างทั้งหมด ซึ่งขยะส่วนใหญ่เป็น “ขยะพลาสติก” ซึ่งต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานถึง 450 ปี ถือเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในระยะยาว
ทีมงานพับลิกโพสต์ได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานกำจัดขยะพลังงานไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม หนองแขม ซึ่งถือเป็นโรงงานกำจัดขยะที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน คือบริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่นี่นอกจากจะเป็นโรงงานกำจัดขยะ เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าแล้วยังเป็น ศูนย์เรียนรู้โรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
“นภดล พฤกษะวัน” กรรมการผู้จัดการโรงงานกำจัดขยะพลังงานไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม ได้ให้การต้อนรับ พร้อมพาเยี่ยมชมโรงงานและให้ความรู้เราว่าโรงงานกำจัดขยะแห่งนี้สามารถกำจัดขยะได้ถึงวันล่ะ 500ตัน ซึ่งจะผลิดกระแสไฟฟ้าป้อนเขาสู่การไฟฟ้านครหลวงได้ถึง 9.8 MW ซึ่งในระยะแรกภาคเอกชนคือบริษัท ซีแอนด์จีฯจะเป็นผู้บริหารเป็นเวลา 20ปี และหลังจากนั้นจะส่งมอมให้กับกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ต้องยอมรับว่าโรงงานแห่งนี้มีระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำเสีย และขี้เถ้า มีการรายงานผลการตรวจวัดมลพิษที่ด้านหน้าโรงงานตามความเป็นจริง พร้อมทั้งรายงานไปยังกรมอุตสาหกรราแบบเรียลไทม์
สำหรับกระบวนการทำงานของโรงงานแห่งนี้คือ เมื่อรถขยะเขาสู่โรงงานแล้วจะต้องนำขยะไปชั่งก่อนที่จะนำขยะไปเทในบ่อรับขยะแบบปิด ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่กำแพงหนา ป้องกันการเล็ดรอดของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในห้องนี้ยังมีพัดลมดูดกลิ่นเพื่อนำกลิ่นนั้นไปทำลายอีกชั้นหนึ่งด้วย จากนั้นเครนที่มีลักษณะเหมือนที่คีบตุ๊กตายักษ์จะนำขยะเข้าไปสู่เตาเผาที่มีอุณหภูมิสูงไม่ต่ำกว่า 850องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิขนาดนี้จะเผาทำลายพลาสติกจอมขยะวายร้ายจนไม่เหลือสารพิษที่จะไปทำลายชั้นบรรยากาศเหมือนการเผาในระบบเก่า นอกจากนี้ในเตายังมีแผ่นตะกรับสำหรับพลิกขยะให้ถูกเผาไหม้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งมีลมเบาจากด้านล่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้อีกด้วย และในกระบวนการเผาขยะมูลฝอยนี้เองเราจะได้ไอเสียที่มีความร้อนสูงจากการเผาไหม้โดยมีระบบหมุนเวียนไอน้ำป้อนเข้าสู่เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ส่วนขี้เถ้าจากการเผาไหม้ประเภทขี้เถ้าหยามที่ไม่เป็นอันตรายจะถูกนำไปฝังกลบ หรือแปรรูปเป็นวัสดุก่อสร้างก็ได้
แต่ขี้เถ้าละเอียดซึ่งกำจัดได้ยากเพราะมีขนาดเล็กและเป็นอันตราย จะมีการว่าจ้างให้ผู้ชำนาญการนำไปทำลายอย่างถูกต้องและปลอดภัยซึ่งแม้จะจ้องใช้งบประมาณพอสมควรแต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดผลต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคตฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่น หรือมลพิษที่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้กังวลนั้นจึงไม่มีเลยเพราะโรงงานแห่งนี้สามารถจำจัดขยะได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ในอนาคตบริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัดยังมีโครงการร่วมกับทางกรุงเทพมหานครที่จะเปิดโครงการกำจัดมูลฝอยด้วยการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช มหานครแห่งขยะกลางกรุงฯ ซึ่งใหญ่กว่าที่หนองแขมเท่าตัว คือสามารถรองรับปริมาณการกำจัดขยะได้ถึงวันล่ะกว่า 1,000ตัน และผลิตกระแสไฟฟ้าได้กว่า20MWต่อวัน โดยจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ เลยอย่างที่โรงงานกำจัดขยะพลังงานไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขมได้ทำมาแล้ว