MEE/WSJ – รัฐบาลไบเดนได้สั่งระงับการขายอาวุธชั่วคราวให้กับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เหตุมีการทบทวนข้อตกลงซื้อขายอาวุธนี้ซึ่งเกิดขึ้นในยุคของทรัมป์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงาน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกกับวอลล์ สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันพุธ (27 ม.ค.) ว่า ฝ่ายบริหารของนายโจ ไบเดน กำลังระงับการดำเนินการตามข้อตกลงล่าสุดที่ประกาศโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับซาอุดีอาระเบียและเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35ให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แผนการของวอชิงตันที่จะขาย เอฟ-35 เครื่องบินขับไล่ล่องหนขั้นสูงให้กับอาบูดาบีปรากฏขึ้นครั้งแรกในเดือนสิงหาคม คล้อยหลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตกลงที่จะปรับความสัมพันธ์เป็นปกติกับอิสราเอล ซึ่งเป็นการเจรจาที่เกิดขึ้นโดยมีทำเนียบขาวเป็นนายหน้า
ก่อนหน้านั้นสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ประเทศใดในตะวันออกกลางซื้อ เอฟ-35 ยกเว้นอิสราเอล เนื่องจากกังวลว่ายุทโธปกรณ์ทางทหารจะทำลายความได้เปรียบทางทหารของอิสราเอล หรือ QME
QME เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายของสหรัฐฯ เพื่อให้แน่ใจว่า อิสราเอลรักษาความเหนือกว่าทางทหารในภูมิภาคนี้
การระงับขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับซาอุฯ น่าจะหมายถึงการขายขีปนาวุธนำวิถี 7,500 ลูก ที่ประกาศโดยรัฐบาลทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้ว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อธิบายถึงการกระทำดังกล่าวว่า เกิดหลังรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโธนี บลินเกน ประกาศว่า “การโอนและการขายอาวุธที่รอดำเนินการจะถูกระงับชั่วคราว ทั้งภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ และการขายเชิงพาณิชย์โดยตรง เพื่อให้ผู้นำที่เข้ามาใหม่มีโอกาสทบทวน” การตัดสินใจ
ยังไม่ชัดเจนว่าการระงับชั่วคราวนี้จะเป็นไปนานเท่าใด