รัฐบาลดันส่งออกสินค้าฮาลาลโต 3% มูลค่ากว่าแสนล้าน ใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นผู้นำการผลิต สร้างมาตรฐานคุณภาพ เจาะตลาดประเทศมุสลิม
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าการส่งออกสินค้าฮาลาลทุกประเภทไปยังกลุ่มประเทศมุสลิม ของปี 2564 ไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3 ที่มีมูลค่า 1.18 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ความได้เปรียบในการแข่งขันของผู้ผลิตไทยคือ สามารถผลิตสินค้าที่หลากหลายและได้มาตรฐาน ทำให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี ขณะนี้มีบริษัทที่ได้การรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลประมาณ 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฮาลาลมากกว่า 160,000 รายการ ซึ่งอาจเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลกก็ว่าได้และรัฐบาลเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นประเทศผู้นําในการพัฒนา ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับความเชื่อมั่นในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่เห็นความสาคัญในการผลิตสินค้าตามหลักศาสนาอิสลามและยังไม่ทราบความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมถึงมีแนวโน้มการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศผู้นำเข้ามากขึ้น
นางสาวรัชดา กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้ผลิตสำคัญในตลาดโลก รัฐบาลได้ขับเคลื่อนด้วยโมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีแนวทางดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วน ครอบคลุมการเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการตรวจสอบ การเสริมสร้างองค์ความรู้ในการผลิตและการบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค การพัฒนาฐานข้อมูลฮาลาล และการส่งเสริมฐานข้อมูลวัตถุดิบฮาลาล เป็นต้น ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์ มีแผนการพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล ประกอบด้วย กิจกรรม เช่น การจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสินค้าฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนา รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างค้าปลีก/ซุปเปอร์สโตร์ชั้นนำ การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าสินค้าอาหารฮาลาลออนไลน์ ในอาเซียน จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าฮาลาลไทย และการสร้างความร่วมมือที่ดีกับผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าฮาลาลในตลาดประเทศมุสลิม เป็นต้น
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจตลาดสินค้าฮาลาลที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและยังมีโอกาสช่องทางการค้าออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคตามวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน