จังหวัดปัญจชีร์ (Panjshir) หนึ่งในสามสิบสี่จังหวัดของอัฟกานิสถาน ได้กลายเป็นปราการด่านสุดท้ายเพื่อต่อสู้กับกลุ่มตอลิบาน ซึ่งเข้ายึดประเทศได้อย่างรวดเร็วหลังการถอนกำลังของสหรัฐฯ
ปัญจชีร์ เป็นภาษาเปอร์เซียมีความหมายว่า “สิงโตห้าตัว” ตั้งอยู่ที่เชิงเทือกเขาฮินดูกูชอันเขียวชอุ่ม ห่างออกไปราว 100 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงคาบูลเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เป็นจังหวัดเล็กๆ ในหุบเขางดงามราวภาพวาด แบ่งออกเป็นเจ็ดเขตด้วย 512 หมู่บ้าน ในปี 2564 ประชากรของจังหวัดปัญชีร์มีประมาณ 1,73,000 คน บาซารักเป็นเมืองหลวงของจังหวัด
เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ชาวทาจิกิสถานส่วนใหญ่หลายพันคนได้ปกป้องหุบเขาแห่งนี้ มีพลซุ่มยิงที่จงรักภักดีต่อจังหวัดซ่อนตัวอยู่ในรัศมีทำหน้าที่เป็นกองทหารรักษาการณ์ ในขณะที่ประตูทางเข้าสู่หุบเขาปัญจชีร์ ก็ได้รับการปกป้องอย่างดุเดือดจากกลุ่มชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ
ปัญจชีร์ไม่เคยถูกพิชิตโดยชาวต่างชาติหรือชาวอัฟกัน ดินแดนแห่งนี้ยืนโดนเด่นเป็นป้อมปราการแม้ในช่วงการรุกรานของโซเวียตในอัฟกานิสถานในปี 1970 และ 1980 ทั้งไม่เคยตกอยู่ใต้การปกครองของกลุ่มตอลิบานในช่วงสงครามกลางเมืองในปี 1990 และตอนนี้ก็เป็นศูนย์กลางของแนวหน้าต่อต้านตอลิบานอีกครั้ง
ภายหลังการล่มสลายของคาบูลต่อกลุ่มตอลิบาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอัฟกานิสถานได้สั่งการให้ส่งเฮลิคอปเตอร์และรถหุ้มเกราะไปยังปัญจชีร์ ก่อนที่ยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะถูกกลุ่มตอลิบานยึด
กองกำลังพิเศษอัฟกันและเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงจำนวนหนึ่งที่ปฏิเสธคำสั่งให้วางอาวุธและยอมจำนนต่อกลุ่มตอลิบานก็ได้ออกเดินทางไปบนถนนอันคดเคี้ยวเข้าไปในจังหวัดนี้ ก่อนที่กลุ่มตอลิบานจะปิดทางเข้าและออก
ในขณะที่กลุ่มตอลิบานอ้างว่า มุลลาห์ อับดุลกานี บาราดาร์ เป็นผู้นำโดยชอบธรรมของประเทศ อีกทางหนึ่ง รองประธานาธิบดีคนที่หนึ่งของอัฟกานิสถาน “อัมรุลเลาะห์ ซาเลห์” ก็ได้อพยพไปอยู่ที่ปัญจชีร์ และประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี โดยอ้างรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งเขาย้ำในแถลงการณ์ว่า “ในกรณีที่ประธานาธิบดีหลบหนี ลาออก หรือเสียชีวิต รองประธานาธิบดีคนที่หนึ่งจะกลายเป็นประธานาธิบดีรักษาการโดยอัตโนมัติ”
“ขณะนี้ผมอยู่ในประเทศของผม และเป็นประธานาธิบดีรักษาการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมกำลังติดต่อไปยังผู้นำทั้งหมดเพื่อขอการสนับสนุนและความเห็นพ้องต้องกัน” ซาเลห์ กล่าว หลังจากประธานาธิบดีอัชรัฟ กานี หลบหนีออกนอกประเทศ
มีรายงานว่า ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลอีกหลายคน รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการระดับจังหวัดบางคนก็อยู่ในปัญจชีร์เช่นกัน เพื่อระดมสรรรพกำลังและเตรียมพร้อมที่จะปกป้องดินแดนแห่งนี้ที่อาจเป็นปราการด่านสุดท้ายในการต่อต้านตาลีบาน
พื้นที่อันล้ำค่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ อะหมัด มัสอูด (Ahmad Massoud) วัย 32 ปี ที่ได้รับการศึกษาจากอังกฤษ ผู้ซึ่งมีอำนาจสั่งการสั่งการนักสู้ที่ทุ่มเทหลายพันคน เขาเป็นลูกชายของ อะหมัด ชาห์ มัสอูด (Ahmad Shah Massoud) นักสู้ต่อต้านโซเวียตและวีรบุรุษของชาติผู้ล่วงลับ
อะหมัด ชาห์ มัสอูด ผู้นำกลุ่มมูจาฮาดีนและกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ (Northern Alliance) ที่มีฉายาว่า “สิงโตแห่งปันจชีร์” ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตะวันตก เขาถูกลอบสังหารโดยกลุ่มปฏิบัติการอัลกออิดะห์เมื่อสองวันก่อนเครื่องบินจะโจมตีตึกแฝดในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544
จากที่นี่ ธงของกลุ่มพันธมิตรทางเหนือ ซึ่งเคยเป็นแนวหน้าต่อต้านตอลิบาน ได้ถูกชักขึ้นโบกสะบัดอีกครั้ง
พันธมิตรทางเหนือเป็นแนวรบทางทหารที่จัดตั้งขึ้นในปี 1996 เพื่อต่อต้านกลุ่มตอลิบาน และได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ เช่น อิหร่าน อินเดีย ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน พวกเขาเป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางไม่ให้กลุ่มตอลิบานสามารถยึดครองทั้งประเทศระหว่างปี 1996 – 2001
First video of Northern Alliance resistance forces in #Panjshir province of Afghanistan 🇦🇫 pic.twitter.com/BvR05i1wrY
— Afghan Hindu (@HinduAfghan) August 18, 2021
เจ้าหน้าที่ปัญจชีร์ปฏิเสธที่จะให้ตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนเนักรบที่พวกเขามีในพื้นที่ แต่เชื่อว่ามีมากกว่า 6,000 คน เชื่อกันว่าพวกเขาต้องการอาวุธหนักและการสนับสนุน สิ่งที่พวกเขากล่าวว่าพวกเขาไม่เคยได้รับจากรัฐบาลที่นำโดยกานี
กระนั้น ในขณะที่ปัญจชีร์ภูมิใจในการขัดขืน ระดมกำลังและพร้อมสำหรับการต่อสู้เพื่อรักษาจังหวัดของตนให้ปลอดภัย แต่บางคนกลัวว่า กลยุทธ์ของตอลิบานคือการปิดล้อม และบีบไม่ให้สามารถนำอาหารและเสบียงฉุกเฉินเข้ามาได้
เจ้าหน้าที่จากปัญจชีร์คนหนึ่งกล่าวว่า จังหวัดที่อุดมสมบูรณ์และพึ่งพาตนเองได้มีอาหารและเวชภัณฑ์เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตตลอดฤดูหนาวอันเลวร้าย
“สถานที่นี้มีความสำคัญมาก และเราสามารถอยู่รอดได้ชั่วขณะหนึ่ง” เขากล่าวโดยพูดเบื้องหลัง “ถ้าเราสามารถต่อต้านต่อไปได้ มันจะสร้างความปวดหัวให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งหมดที่นั่น”
แต่หลังจากนั้น อาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ในตอนนี้ กลุ่มตอลิบานถือได้ว่าเป็นกองกำลังต่อสู้ที่ทรงพลังกว่าแต่ก่อน เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงอาวุธที่ซับซ้อนได้
อาวุธที่ล้ำสมัย รถหุ้มเกราะ เครื่องยิงจรวด และยานพาหนะทางทหาร ทำให้กลุ่มตอลิบานเป็นกองกำลังที่มีศักยภาพที่ทำการรุกอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ เข้ายึดกรุงคาบูลเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ยุทโธปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่ที่อยู่ในมือของกลุ่มตอลิบานเป็นสิ่งที่กองกำลังสหรัฐฯ ทิ้งไว้เบื้องหลังและมอบให้กองทัพอัฟกัน ขณะที่กลุ่มตอลิบานเข้าครอบครองดินแดน ก็สามารถยึดอาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่จากกองกำลังอัฟกันไว้ได้
ดังนั้นการต่อต้านทางทหารโดยปราศจากการสนับสนุนจากต่างประเทศจะไม่ง่ายสำหรับการต่อสู้กับกลุ่มตอลิบานที่มีอุปกรณ์ครบครันกว่า!!
อ้างอิง
– https://nypost.com/2021/08/18/inside-the-afghanistan-province-that-refuses-taliban-control/
– https://www.france24.com/en/live-news/20210817-defiant-afghan-ex-vp-vows-new-fight-with-taliban