ยูซุปคาร เพียรรักษ์
ทุกวันนี้เรื่องของสมุนไพร การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกได้สร้างความตื่นตัวให้ผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ใช่คำตอบของปัญหาโรคร้ายทั้งหมด นั้นยิ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้คนจำนวนมากเริ่มหันกลับมาหารากเหง้าแห่ง ภูมิปัญญาไทยที่อยู่คู่สมุนไพรและหมอยาแผนไทยมานับร้อยร้อยปี
และ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ของผู้ป่วยที่มีอีกหนึ่งทางเลือกในเรื่องการใช้ “สมุนไพร สู้โรค” เมื่อนายยูซุปคาร เพียรรักษ์ ได้คิดค้นและผลิตยาแคปซูลสมุนไพรตรา “ตะวันเดือน” จากสมุนไพรหลากหลายชนิด เพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ทั้ง โรคไต โรคตับ ไวรัสตับบี และโรคร้ายอย่างมะเร็ง เป็นต้น
พัลลิกโพสต์มีโอกาสได้ไปทำความรู้จักกับ “ยูซุปคาร เพียรรักษ์” มุสลิมเชื้อสายปาทานวัย 75 ปี ประธานบริษัท เอส.เค.ฟาร์มา จำกัด ผู้เป็นเจ้าของต้นคิด และเริ่มบุกเบิกตำรับยาบำรุงร่างกาย “ตะวันเดือน” ซึ่งนายยูซุปคาร เพียรรักษ์ เล่าถึงต้นตระกูล ว่าอพยพมาจากประเทศปากีสถาน แต่เขาเกิดที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จัดได้ว่าเป็นคนไทยโดยถิ่นกำเนิด ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชราส่วนใหญ่อยู่กับชนบท เลี้ยงวัว ควาย เพื่อค้าขาย และส่งออกไปขายต่างประเทศ แล้วซื้อสินค้ากลับเข้ามาขาย เขาเรียกวิถีตัวเองว่าเป็นคาวบอย ในขณะชาวบ้าน เรียกว่า นายห้าง
จน เมื่อได้คิดค้นและผลิตยาสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคร้ายได้จึงมีคนตั้งฉายาให้ ว่าหมอเทวดา แต่เขาก็ไม่ยอมรับฉายานั้น “ผมเป็นเพียงมนุษย์ครับ เพราะผมก็ไม่ใช่หมอ ไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อน แต่บังเอิญมีตำรับยาสมุนไพร และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับบรรดาแพทย์เก่งๆหลายคนและได้รับความรู้ คำแนะนำจากบุคคลเหล่านั้น แล้วนำมาปฏิบัติกับตัวเองแล้วเห็นผล จึงได้มารื้อฟื้น และค้นคว้ากับสูตรยาสมุนไพรที่เป็นของต้นตระกูล ซึ่งสืบทอดมายาวนาน โดยได้นำมาปรุงแต่งและรับประทาน เริ่มจากในครอบครัว และแจกจ่ายให้กับคนที่มีอาการเจ็บป่วยต่างๆ ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยที่รับประทานยาสมุนไพรเมื่อไปตรวจร่างกายกับแพทย์ได้รับการยืนยันว่า มีอาการดีขึ้นจากอาการป่วย จึงเป็นที่ต้องการของผู้ป่วยจำนวนมาก จากการบอกเล่าจากปากต่อปาก จนเป็นที่มาในการตั้งโรงงานและซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยได้มาตรฐานมาผลิตยา ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยในปัจจุบัน
ยู ซุปคาร กล่าวว่า “การเริ่มต้นของสมุนไพรตะวันเดือนมาจากกรรมวิธีพื้นบ้านนี่แหละ โขกๆตำๆชงน้ำกิน แต่หลังจากนั้นเพื่อความสะดวกก็นำมาใส่แคปซูล แต่เรากะปริมาณเองน้ำหนักมันจะไม่เท่ากัน จึงต้องไปซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยจากไต้หวัน เพื่อการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวดเร็วและในปริมาณครั้งละมากๆ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ”
“ซึ่ง เมื่อก่อนสมุนไพรเราไม่ได้เก็บเงินเลย มีแนวคิด ด้วยเจตนารมณ์ของผมคือต้องการทำบุญให้กับคนเป็นโรคเจ็บป่วยต่างๆ กระทั่งจากการใช้ยาแล้วมีผลดี ผู้คนก็หลั่งไหลมาหาผมเป็นจำนวนมาก จนสมุนไพรเริ่มขาดแคลน ต้นทุนก็สูงขึ้น จนเกินความสามารถของผม ผมอาจต้องหยุดผลิตยา บรรดาคนป่วยเหล่านั้นก็เห็นใจผม ให้ผมตั้งราคาและผลิตยาจำหน่ายให้กับพวกเขา ซึ่งก็เป็นระยะเวลาก็ร่วม 5-6 ปีมาแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ตั้งราคาเป็นแบบธุรกิจ เพราะถ้าเป็นธุรกิจก็คงไม่ได้ตั้งที่ราคานี้ คงจะสูงมากๆเพราะว่ามันได้ผลจริงและมีผลพิสูจน์จากโรงพยาบาลที่คนป่วยรักษา ผมทำมาในทางสายบุญอยากให้เป็นทางเลือกให้กับคนป่วยหลายๆคนที่หมดหวัง”
“การ ที่คนป่วยที่เป็นโรคร้ายได้รับประทานยาสมุนไพรตะวันเดือนไป เมื่อรับประทานติดต่อกันไปประมาณ 4 เดือนแล้ว กลับไปตรวจโรคกับแพทย์แผนปัจจุบันปรากฏผลว่า ไม่พบโรคร้ายอยู่ในตัวเลย นั่นเท่ากับประชาชนมีทางเลือกในการรักษาเพิ่มขึ้น คนป่วยคนแรกที่ผมรักษาเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 4 ตอนนั้นอาการหนักมาก แต่ได้สมุนไพรตะวันเดือนรักษาจนอาการดีขึ้น จนหายเป็นปกติ นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก”
สำหรับ สมุนไพรตะวันเดือนแล้ว ยูซุปคาร กล่าวว่า การรักษาของเขาต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาด้วยแพทย์ปัจจุบัน “ในการรักษาคนป่วยด้วยการให้รับประทานยาตะวันเดือน คนป่วยทุกคนต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ปัจจุบัน คนป่วยนั้นยังต้องไปตรวจสุขภาพจากแพทย์ปัจจุบัน พร้อมๆ ไปกับการรับประทานสมุนไพรตะวันเดือนติดต่อกันจนผลตรวจร่างกายคนป่วยออกมาว่า ปกติ”
เมื่อ ถามถึงอุปสรรคของการใช้ยาในกรณีที่แพทย์ปัจจุบันที่ทำการรักษาผู้ป่วยอยู่ อาจจะไม่ยอมรับยาสมุนไพรซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือก ยูซุปคาร กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่ายาสมุนไพรบางชนิดอาจผสมสารสเตียรอยด์ หรือสารอื่นๆที่จะส่งผลเสียต่อการรักษา ซึ่งคนไข้และหมอไม่สามารถไปตรวจสอบได้ทุกตัว เป็นสิ่งที่หมอกังวลและต้องห้ามคนป่วย แต่สมุนไพรตะวันเดือนได้รับการตรวจสอบจากศูนย์วิทยาศาสตร์ว่าไม่มีสารสเตีย รอยด์ และได้ใบรับรองเป็นตำรับยาจากกระทรวงสาธารณสุข องค์การอาหารและยา (ผ่านอย.) ให้เป็นยาแผนโบราณ”
“ผม มีหลักฐานเป็นบันทึกคนป่วยหลายๆคน จากโรงพยาบาลที่รับประทานยาตะวันเดือน และปฏิบัติตัวตามที่ผมได้แนะนำไป จากนั้นกลับไปตรวจโรคกับแพทย์ก็ได้รับการยืนยันว่า “โรคสงบแล้ว”
“คำ ว่า โรคมะเร็งสงบ โรคไวรัสตับบีสงบแล้ว ผมเองก็มหัศจรรย์ว่ามันหายได้อย่างไร เป็นสิ่งยืนยันคุณค่าของตะวันเดือน ที่พร้อมให้แพทย์ปัจจุบันมาพิสูจน์ความจริง”
“ผม พูดได้ว่า ไม่มียาหมอในโรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัดมันจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียง ร่างกายคุณจะแห้งกรอบเป็นข้าวเกรียบ การรับประทานสมุนไพรตะวันเดือน ก่อนไปให้คีโมประมาณ 25 วัน จะทำให้ไม่แพ้คีโมและฟื้นตัวได้เร็ว โดยยุซุปคาร ได้กล่าวย้ำเป็นสโลแกนว่า “ตะวันเดือน ล้านคำพูด ไม่เท่าพิสูจน์ความจริง”
ทั้งนี้ เขายังระบุอีกว่า สมุนไพรตะวันเดือนว่าเป็น “แพทย์ทางเลือก” ในการรักษาและต่อสู้กับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งและไวรัสตับบี ถือเป็นแพทย์ทางเลือกที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงเรียกได้ว่า สมุนไพรตะวันเดือน คือ “ทางเลือกใหม่ ที่คุณควรเลือก”
สมุนไพร ตะวันเดือน ผลิตโดย บริษัท เอส เค ฟาร์มจำกัด มีโรงงานทันสมัยตั้งอยู่ที่ อ.ป่า โมก จ.อ่างทอง ได้ใบรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ในเอกสารระบุว่า ยาแคปซูลสมุนไพร ตราตะวันเดือน เป็นยาแผนโบราณ เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกายเหมาะสำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ ผลิตจากสมุนไพรหลากหลายชนิด อาทิ เห็ดหลินจือ โสม และหญ้าปักกิ่ง
นอกจาก นี้บริษัท เอส เค ฟาร์ม จำกัด ยังมีผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆจำหน่ายด้วย พร้อมกันนี้ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการนำสมุนไพรไปกระจายบอกต่อ เป็นตัวแทนจำหน่าย โดยติดต่อได้ที่นายยุซุปคาร เพียรรักษ์ เบอร์โทร. 081-81806359 หรือศูนย์อยุธยา 55/9 ม.2 ถ.บางปะหัน-ปทุมฯ สี่แยกวรเชษฐ์ ต.บ้านป้อม องพระนครศรีอยุธยา จ.อยุธยา โดยติดต่อ คุณมาเรียม ที่เบอร์โทร. 089-903-3970, 089-900-8995
ผลิตภัณฑ์ สมุนไพรนั้นมีหลายชนิด สรรพคุณแตกต่างกันตามแต่ละชนิดนั้นๆ รวมทั้งมีการจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่ปลอดภัยเพราะกระบวนการผลิตและปรุงสูตรสมุนไพรต่างๆ การใช้ส่วนประกอบที่มีผลเสียต่อร่างกายก็เป็นได้ ดังนั้นในขั้นแรกสมุนไพรนั้นๆต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย. และในการรักษาโรคก็ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
ส่วน สมุนไพรตะวันเดือนจะเป็น “ทางเลือกใหม่ ที่คุณควรเลือก” หรือไม่นั้น คงต้องยืมคำพูดเจ้าของและผู้ผลิตมากล่าว คือ “ล้านคำพูด ไม่เท่าพิสูจน์ความจริง”