กพต. อนุมัติ 6 โครงการที่ ศอ.บต. นำเสนอ “รอง นรม.” ย้ำ มอบ ศอ.บต. เป็นหลักประสานขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน จชต.

28 ต.ค. 2564 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) จัดการประชุมครั้งที่ 3/2564 ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กพต. และเป็นประธานในการประชุม มี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และผู้บริหารของ ศอ.บต. เข้าร่วมประชุมเพื่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการพัฒนาของ ศอ.บต. พร้อมเสนอเรื่องเพื่อพิจารณาให้ที่ประชุมเห็นชอบทั้งสิ้น 6 เรื่อง

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่ จชต.ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แล้วกว่า 10,000 คน และจะเร่งช่วยเหลืออีก 7,000 คนให้แล้วเสร็จใน มี.ค. 2565 โดยแยกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพในภูมิลำเนาเดิม ผู้ที่พร้อมไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมนอกพื้นที่ และผู้ที่ประสงค์เข้าทำงานเกษตรสวนปาล์มในมาเลเซีย สำหรับการแก้ปัญหาการระบาดของโรคใบไม้ร่วงชนิดใหม่ในยางพารา รวม 308,351 ไร่ การยางแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณ 331 ล้านบาท เร่งศึกษาแก้ปัญหาร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ พร้อมพัฒนาทักษะอาชีพชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบ ให้มีการปลูกพืชผสมผสานในพื้นที่นำร่องและพื้นที่ขยายผลอีก 22,000 ไร่ ควบคู่กันแล้ว

ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ เรื่องเพื่อพิจารณาที่ ศอ.บต. นำเสนอ ประกอบด้วย กรอบการบูรณาการโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่าน “โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ภายใต้ระบบ “ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน” มุ่งเน้นแก้ปัญหาความยากจน 5 มิติ พร้อมทั้งอนุมัติหลักการโครงการขยายพื้นที่ปลูกไม้และไม้ผลเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยเริ่มจากจัดที่ดินสาธารณะประโยชน์ “หนึ่งตำบล หนึ่งพื้นที่สาธารณะ” และส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักการและกรอบวงเงิน โครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบเบตง จ.ยะลา “Amazean Jungle Trial” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาไปสู่ระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเห็นชอบหลักการและกรอบงบประมาณโครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเดินเรือและลดปัญหาผลกระทบความเสียหายจากน้ำท่วมต่อเนื่องที่ผ่านมา รวมทั้งอนุมัติกรอบวงเงินสนับสนุน โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบระยะเร่งด่วน เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนในพื้นที่ 3 จชต.เป็นกรณีเร่งด่วน และที่ประชุมยังได้เห็นชอบการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย – มาเลเซีย ( 9 ด่าน ) เพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่างๆ

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณ ศอ.บต. และทุกส่วนราชการที่ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ จชต. ซึ่งคืบหน้าอย่างมากและต่อเนื่องมา จึงขอให้ ศอ.บต.ขยายผลเร่งด่วนในกลุ่มเป้าหมายเด็กเล็กและโรงเรียนตาดีกา เพื่อโอกาสในการพัฒนาทักษะภาษาไทยและการนำไปใช้ดำเนินชีวิตในสังคมที่หลากหลายวัฒนธรรมร่วมกัน พร้อมกำชับให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และ ศอ.บต. ปรับปรุงระเบียบด้านแรงงานและอำนวยความสะดวกการทำงานในมาเลเซีย รองรับการเปิดประเทศในต้น พ.ย. ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ประธาน กพต. ยังย้ำให้ ศอ.บต. เป็นหลักในการประสานขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน จชต. เพื่อลดเงื่อนไขความรุนแรง โดยให้เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรสวนยางและชาวประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ของประชาชนในพื้นที่ โดยขอให้ทุกฝ่ายทำงานเชิงรุกมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิด หรือหากเกิดก็สามารถลดความเสียหายให้เร็วที่สุด โดยมอบให้ผู้ว่าราชการทั้ง 5 จว. เป็นเจ้าภาพ ใช้ข้อมูลและลงทำงานแก้ปัญหาความยากจนระดับพื้นที่อำเภอและตำบล และให้ปรับแผนการทำงานร่วมกันในการขยายพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับภูมิศาสตร์และภูมิสังคมของพื้นที่ สำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกในพื้นที่ จชต.เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวขอให้ทุกส่วนราชการส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันในทุกปีและต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลในการพัฒนาพื้นที่ระยะยาว

พล.อ.ประวิตร ยังย้ำให้ความสำคัญ เร่งผลักดันขับเคลื่อนการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 ด่านให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นประตูชายแดนอำนวยความสะดวกการผ่านแดนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้โดยรวมอีกด้วย