พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษา ลั่นเอาแน่ เตรียมขยายนโยบาย “เพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้อง เปิดมุมมองเด็กไทยอย่างยั่งยืน” หลังผลสำรวจพบ เด็กไทยใช้เวลาเรียนในห้องมากเป็นอันดับสองของโลก แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษากลับไม่ดีเท่าที่ควร
โดยโครงการ“เพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้อง เปิดมุมมองเด็กไทยอย่างยั่งยืน” เปลี่ยนชื่อจาก โครงการ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” นำร่องแล้ว 4,100 โรงเรียน ระดับประถม-มัธยมต้น ประสบความสำเร็จ เตรียมเดินหน้าขยายนโยบายสู่โรงเรียนสอนศาสนา ย้ำความเท่าเทียม พร้อมส่งทีมงานลงช่วยเหลือสนับสนุนทุกเรียนในด้านต่างๆ รวมทั้งประเมินผลในภาพรวม เชื่อ ลดเวลาล้นเกินในห้องเรียน มาเพิ่มส่วนที่ขาด ทำให้ IQ ไม่ลด แต่พัฒนาให้เด็กไทยมี EQ,MQ ในระยะยาว จัด 390 กิจกรรม 4 หมวด เสริมสร้างทักษะ จริยะธรรม สอนให้คิดวิเคราะห์เป็น พร้อมหมวดเสริมสมรถนะร่างกายแข็งแกร่ง ฝึกให้ใช้เวลานอกห้องเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ย้ำเตรียมดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนทุกสังกัดทั่วประเทศให้ได้ภายในปี 2559 ที่จะถึงนี้
หลังนโยบายดังกล่าวได้เริ่มนำร่องใช้ไปก่อนหน้านี้แล้ว อาจมีการตั้งคำถามว่า ทำไมต้องลดเวลาเรียน และจะมีผลถึงความเข้มข้นของเนื้อหาในหลักสูตรหรือไม่นั้น รมว.ศึกษากล่าวว่า “ที่ผ่านมา การเรียนในตามหลักสูตร โดยเวลาปกติในห้องเรียน มีการประเมินและมีข้อศึกษาวิจัยในหลายด้านที่เห็นว่ามีความซ้ำซ้อนของแต่ละวิชาในหลักสูตร แนวคิดการลดเวลาเรียน ไม่ใช่การลดความสำคัญหรือเนื้อหาในหลักสูตร แต่เป็นการลดความซ้ำซ้อนที่เด็กไทยต้องเผชิญอยู่ทุกวันนี้ลง”
“ฉะนั้นการลดเวลาเรียน ไม่ได้หมายความถึงการลดคุณภาพของหลักสูตรที่จะเรียน แต่ลดปริมาณของเวลาที่ใช้ และใช้เวลาที่ได้มาไปเติมในส่วนที่ขาด โดยการลดเวลาเรียน ไม่ได้เป็นการให้กลับบ้านก่อนเวลาตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ เด็กยังคงอยู่ในโรงเรียนตามเวลาปกติ เพื่อทำกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และการลดเวลาเรียนในห้อง ไม่มีผลต่อการสอบใดๆ แถมยังเป็นผลดีเพราะช่วยให้คิดและวิเคราะห์ข้อสอบต่างๆ ได้ดีขึ้น”
“โดยในนโยบายดังกล่าวได้เตรียมขยายเข้าสู่โรงเรียนสอนศาสนา ในทุกๆ ศาสนา รวมถึงโรงเรียนปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามทั่วประเทศด้วย ซึ่งจะเน้นหลักความเท่าเทียม และทางกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนทุกโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง” รมว.ศึกษา กล่าว
ผู้ช่วยบรรณาธิการ สำนักข่าวเดอะพับลิก, นสพ.เดอะพับลิกโพสต์